วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เก่ง Tenses แบบเจ้าของภาษาได้ไม่ยาก
เจ็ด tenses ที่ใช้น้อย 
    Tense ทั้ง 7 tenses ต่อไปนี้ มีอยู่เพียง tense เดียวเท่านั้นที่ใช้ค่อนข้างบ่อย คือ
past continuous ส่วนที่เหลืออีก 6 tenses เป็น tense ที่ใช้น้อย หรือบาง tense ก็แทบจะไม่มีการใช้กันแล้วในปัจจุบัน
    อย่างไรก็ตาม ทั้ง 7 tenses นี้ก็เป็น tense ที่เราต้องศึกษาไว้ เพราะบางครั้งก็จำเป็น
ที่จะใช้เช่นกัน หรือเมื่อเห็นคนอื่นใช้ก็จะได้เข้าใจความหมายของการใช้ tense นั้นๆ 
TENSE แสดง ‘อดีต’ 
   Tense แสดงอดีตใน tenses(B) มีอยู่ 3 tenses คือ 1) past continuous 2) past perfect 3) past perfect continuous tense โดยยังมีอีก 1 tense ที่แสดง
อดีต เช่นกัน คือ past simple ซึ่งกล่าวถึงไปแล้วใน tenses(A)
   ดังนั้น tense ที่แสดงอดีตจะมีอยู่ทั้งหมด 4 tenses ด้วยกัน

   Tense แสดง ‘อดีต’ ใน tenses(B) ที่มีอยู่ 3 tenses มีกลเม็ดและหลักการใช้ดังนี้

                      1. PAST CONTINUOUS 
   There are 2 tricks of using Past Continuous:

   1. Past Continuous is 'something-was-happening-with-or-
without-adverb-of-past-time'.
   มีกลเม็ดอยู่ 2 กลเม็ดในการใช้ past continuous ดังนี้
   ๑. Past continuous (was/were + v-ing) คือ 'บางสิ่งกำลังดำเนิน
อยู่ในอดีต
โดยจะมีวิเศษณ์แสดงเวลาในอดีตอยู่ด้วยหรือไม่ก็ได้' เช่น: 
        –I was helping my mother with cooking.
        –In the garden the birds were singing.
        –That night I was watching TV alone. 
        –A year before their arrivals, the road was being constructed.
        –At this time yesterday, she was doing the washing.
        –At about 7 o’clock last week, I was showering as usual. What
          was wrong?   
   2. Past Continuous is ‘something-was-happening-and-
another-thing-happened-in-between.
   ๒. Past continuous คือ ‘บางสิ่งกำลังเกิดขึ้นในอดีตและก็มีอีกสิ่งหนึ่งได้
เกิดขึ้นแทรกเข้ามา’ โดย ‘สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต’ ใช้ในรูป was/were + v-ing (past continuous) ส่วน ‘สิ่งที่เกิดแทรกเข้ามา’ ใช้ในรูป v2 (past simple) ดังนี้: 
        –I saw a beautiful woman who was standing in front of a shop.
           ฉันได้เห็นสาวสวยคนหนึ่งผู้ที่กำลังยืนอยู่หน้าร้าน
        –While I was having my dinner, the power went off.
              ขณะที่ฉันกำลังทานข้าวเย็น ไฟฟ้าก็ได้ดับลง 
        –While my sister was reading, she heard her dog barking.
              ขณะที่น้องสาวของฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ เจ้าหล่อนก็ได้ยินเสียงเจ้าตูบเห่าขึ้น 
        –When she was being on Facebook, the doorbell rang.
           ขณะที่เจ้าหล่อนกำลังเล่น Facebook อยู่นั้น กระดิ่งประตูก็ได้ดังขึ้น
        –When they were being in the classroom, the rain poured down
           heavily.
           ขณะที่พวกเขากำลังเรียนหนังสือกันอยู่ ฝนก็ได้ตกลงมาอย่างหนัก
        เราสามารถวางประโยคที่นำหน้าด้วย While หรือ When ไว้ด้านท้ายก็ได้ ดังนี้
        –The power went offwhile I was having my dinner.
        –The doorbell rangwhen she was being on Facebook.
        และสำหรับประโยคที่นำหน้าด้วย When ซึ่งตามปกติมักใช้ในรูป past conti-
nuous นั้น เราสามารถใช้ในรูปของ past simple ก็ได้ ดังนี้
        –I was playing my guitar, when my parents came back home.
        การใช้ past continuous นี้ขอให้ท่านผู้อ่านสังเกตด้วยว่า เหตุการณ์ที่ was
happening
 จะต้องมีช่วงระยะเวลายาวกว่าเหตุการณ์ที่เกิดแทรกเข้ามา (happened
in between) เสมอ เช่น was playing my guitar จะมีช่วงระยาเวลายาวกว่า came
back home ซึ่งเป็นเพียงแค่ ‘จุดหนึ่งของเวลา’ เท่านั้น

                          2. PAST PERFECT  
   The trick of using Past Perfect is ‘something-had-happened
-before-another-thing-happened’. 
   กลเม็ดหรือกุญแจของการใช้ past perfect ก็คือ ‘บางสิ่งได้เกิดขึ้นและได้
จบสิ้นไปแล้ว ก่อนจะเกิดอีกสิ่งหนึ่งตามมา’ โดย ‘สิ่งที่ได้เกิดขึ้นและได้จบสิ้นไป
แล้ว’ ใช้ในรูป had + v3 (past perfect) ส่วน ‘สิ่งที่เกิดตามมา’ ใช้ในรูป
v(past simple) ดังนี้:
    –My teacher had finished her class, when I arrived.
        คุณครูของฉันได้สอนจบไปแล้ว ตอนที่ฉันไปถึง
    –My coach had started his lesson, when I got dressed.
      ผู้ฝึกสอนของฉันได้เริ่มทำการฝึกซ้อมไปแล้ว ตอนที่ฉันเริ่มแต่งตัว (เพื่อลงฝึกซ้อม)
    –The programme had ended, when I switched on the TV.
      รายการโทรทัศน์ได้จบไปแล้ว ตอนที่ฉันเปิดโทรทัศน์ขึ้นมา
    –He couldn’t play his guitar because a string had broken.
      เขาไม่สามารถเล่นกีทาร์ได้ เพราะสายกีทาร์เส้นหนึ่งได้ขาดไปเสียก่อนแล้ว
    –I had just logged out, when I realized I forgot to send a message.
        ฉันเพิ่งออกจากการใช้งาน ตอนที่ฉันนึกได้ว่าลืมส่งข้อความไปข้อความหนึ่ง
             3. PAST PERFECT CONTINUOUS
   The trick of using Past Perfect Continuous is ‘something-
had-been-happening-before-another-thing-happened’.
   กลเม็ดหรือกุญแจของการใช้ past perfect continuous ก็คือ ‘บางสิ่งได้กำลังเกิดขึ้นและได้จบสิ้นไปแล้ว ก่อนจะเกิดอีกสิ่งหนึ่งตามมา’ โดย ‘สิ่งที่ได้
กำลังเกิดขึ้นและได้จบสิ้นไปแล้ว’ ใช้ในรูป had been + v-ing (past per-fect continuous) ส่วน ‘สิ่งที่เกิดตามมา’ ใช้ในรูป v2 (past simple) ดัง
นี้:
    
   –I had been waiting for an hour, before my girlfriend arrived.
      ผมได้รอคอยอยู่เป็นเวลาต่อเนื่องกันถึง 1 ชั่วโมง ก่อนที่แฟนผมจะมาถึง
   –His skill was improved. He had been practicing for 3months.
      ทักษะของเขาได้รับการพัฒนา หลังจากที่ได้ทำการฝึกฝนมาตลอด 3 เดือน

   –The children fell asleep on the floor where they had been playing all
      afternoon.
      เด็กๆนอนหลับบน พื้นหลังจากที่พวกแกได้เล่นกันมาตลอดทั้งบ่าย
   บางครั้งเหตุการณ์ในอดีตที่กำลังเกิดขึ้นนั้นอาจดำเนินมาพอดีกับที่อีกเหตุการณ์หนึ่ง
เกิดขึ้นพอดีก็ได้ เช่น

   –I had been surfing the Net when the phone range.
      ฉันกำลังท่องเน็ทอยู่ ตอนที่โทรศัพท์ดังขึ้น

   –A TV reporter said customers had been waiting in line for 5 hours
      to be the first to get new iPhones.
        ผู้สื่อข่าวคนหนึ่งรายงานข่าวว่าลูกค้าได้เข้าแถวรอคอยเป็นเวลาตลอด 5 ชั่วโมงเพื่อจะได้เป็นคน
        แรกที่ได้เป็นเจ้าของ iPhone รุ่นใหม่
   การใช้ past perfect continuous กับ past perfect จะคล้ายกันและมักใช้แทน
กันได้ โดย ‘past perfect continuous เน้นที่ความต่อเนื่องของเวลาที่เกิดขึ้นในอดีต
นั้น’ ส่วน ‘past perfect เน้นที่เหตุการณ์ในอดีตที่ได้เกิดขึ้นและจบสิ้นไปแล้ว’ เช่น

   –I had been waiting for an hour, before my girlfriend arrived.
     ผมได้รอคอยอยู่เป็นเวลาต่อเนื่องกันถึง 1 ชั่วโมง ก่อนที่แฟนผมจะมาถึง

   –I had waited for an hour, before my girlfriend arrived.
     ผมได้รอคอยอยู่เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ก่อนที่แฟนผมจะมาถึง
TENSE แสดง ‘ปัจจุบันที่เป็นผลมาจากอดีต
Tense แสดงปัจจุบันที่มีผลมาจากอดีตใน tenses(B) มีอยู่ 1 tense คือ present
perfect continuous tense โดยยังมีอีก 1 tense ที่แสดงปัจจุบันที่มีผลมาจากอดีต
เช่นกัน คือ present perfect ซึ่งกล่าวถึงไปแล้วใน tenses(A)
    ดังนั้น tense ที่แสดงปัจจุบันที่มีผลมาจากอดีตจะมีอยู่ทั้งหมด 2 tenses ด้วยกัน

    Tense แสดง ‘ปัจจุบันที่เป็นผลมาจากอดีต’ ใน tenses(B) ที่มีอยู่ 1 tense มีกล
เม็ดและหลักการใช้ ดังนี้

1. PRESENT PERFECT CONTINUOUS
    The trick of using Present Perfect Continuous is ‘something-has-been-happening-in-the-past-up-to-now’.

    กลเม็ดหรือกุญแจของการใช้ present perfect continuous (has/
have been + v-ing) ก็คือ ‘บางสิ่งกำลังเกิดขึ้นในอดีตและได้ดำเนินอย่าง
ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน’ ดังนี้:


    –It has been raining outside.
        ฝนข้างนอกตกต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้
    –The traffic has been jamming for 30 minutes.                                          การจราจรติดขัดต่อเนื่องกันมาจนถึงตอนนี้เป็นเวลา 30 นาทีแล้ว

    –How long have you been being on the Internet?
        เธอเล่นเน็ทมาเป็นเวลาต่อเนื่องกันกี่มากน้อยแล้วเนี่ย?
    –I have been living here since 2008.
        ฉันพักอาศัยอยู่ที่นี่อย่างต่อเนื่องกันมาตั้งแต่ปี 2008
    และเราสามารถใช้ present perfect continuous เพื่อแสดงว่า ‘เหตุการณ์ในอดีต
ที่ดำเนินอย่างต่อเนื่องมานั้นได้จบสิ้นลงก่อนปัจจุบันแล้ว แต่ยังมีผลให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน’
ได้ โดยมักมีประโยคอื่นมาขยายความให้เห็นว่าเหตุการณ์นั้นได้จบสิ้นลงแล้ว แต่ยังมีผล
ปรากฏอยู่ ดังนี้

    –She has been studying hard all day. She looks tired now.
        เจ้าหล่อนศึกษาเหล่าเรียนอย่างต่อเนื่องมาอย่างหนักทั้งวัน ตอนนี้เจ้าหล่อนจึงดูเหนื่อยล้า
    –They have been spending all of their savings. That is why they
      are broke.
        พวกเขาใช้เงินออมทั้งหมดของพวกเขาอย่างต่อเนื่องจนหมด นั่นคือสาเหตุว่าทำไมพวกเขาจึง
          ถังแตก
Present Perfect Continuous vs. Present Perfect
    การใช้ present perfect continuous กับ present perfect จะคล้ายกัน
และมักใช้แทนกันได้ โดย ‘present perfect continuous เน้นเหตุการณ์ในอดีต
ที่ได้เกิดขึ้นและดำเนินอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน’ ส่วน ‘present perfect เน้นที่
เหตุการณ์ในอดีตที่ได้เกิดขึ้นและดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งอาจจะต่อเนื่องหรือไม่ต่อ
เนื่องก็ได้’ เช่น

    –The traffic has been jamming for 30 minutes.
        การจราจรติดขัดต่อเนื่องกันมาจนถึงตอนนี้เป็นเวลา 30 นาทีแล้ว
            (แสดงว่าการจราจรติดขัดแบบแทบไม่ขยับเขยื้อนเลย)

    –The traffic has jammed for 30 minutes.
        การจราจรติดขัดมาจนถึงตอนนี้เป็นเวลา 30 นาทีแล้ว
            (แสดงว่าการจราจรมีการขยับเขยื้อนตัวบ้าง)

   
    –She has been studying hard all day. She looks tired now.
        เจ้าหล่อนศึกษาเหล่าเรียนอย่างต่อเนื่องมาอย่างหนักทั้งวัน ตอนนี้เจ้าหล่อนจึงดูเหนื่อยล้า
    –She has studied hard all day.
        เจ้าหล่อนศึกษาเหล่าเรียนอย่างหนักมาทั้งวัน (ตอนนี้เจ้าหล่อนจึงดูเหนื่อยล้า)
    อย่างไรก็ตาม ในบางสถานการณ์ present perfect continuous กับ present perfect จะมีความหมายต่างกัน เช่น สมมติว่าก่อนเข้าไปในห้างฯฝนได้ตกลงมา เมื่อเรา
ออกมาจากห้างฯ ฝนก็ยังคงตกอยู่ เราจึงได้อุทานขึ้นกับเพื่อนขึ้นว่า

    –Look! It has been raining.
        ดูซิเธอ...ฝนยังคงตกอยู่เลย
    และสมมติว่าก่อนเข้าไปในห้างฯ แดดแจ๋เลย แต่เมื่อออกมาจากห้างฯ กลับเห็นพื้น
ถนนหน้าห้างเปียกไปหมด เราจึงรู้ได้ทันทีว่า เมื่อสักครู่ฝนได้ตกลงมา เราจึงได้อุทาน
ขึ้นกับเพื่อนขึ้นว่า

    –Look! It has rained.
        ดูซิเธอ...เมื่อสักครู่ฝนคงตกลงมาแน่ๆ น้ำฝนเจิ่งนองพื้นถนนเลย
    ลองไปดูตัวอย่างเปรียบเทียบอีกสักประโยค

    –I have been designing this website.
        ฉันกำลังออกแบบเว็บไซท์นี้อยู่ โดยได้ทำมาพักใหญ่แล้ว และตอนนี้ก็ยังไม่เสร็จ 
    –I have designed this website.
        ฉันออกแบบเว็บไซท์มาพักใหญ่แล้ว และตอนนี้ก็ออกแบบเสร็จแล้ว (ดังเห็นผลงานปรากฏอยู่)

    ประโยคหลังนี้สามารถประโยค present perfect อื่นๆมาสื่อความหมายแทนก็ได้ดังนี้


   –I have finished designing this website.
        ฉันเสร็จสิ้นการออกแบบเว็บไซท์แล้ว
คุณประโยชน์ของ tense ในภาษาอังกฤษ
    มาถึงตอนนี้ท่านผู้อ่านคงอาจพอทราบเลาๆแล้วว่า ‘ทำไมภาษาอังกฤษจึงมีการคิดค้น
tense ขึ้นมาใช้?’ คำตอบก็คือ การใช้ tense นั้นใช้คำเพียงไม่กี่คำในการสื่อความหมาย แต่กลับได้เนื้อหาที่ต้องการสื่อมากนั่นเอง และนี่ก็คือสาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้เรา
จำเป็นจะต้องเข้าใจการใช้ tense ต่างๆให้ได้ครบทุก tense นั่นเอง ไม่ว่าพวกมันจะใช้บ่อย
หรือไม่บ่อยก็ตาม


TENSES แสดง ‘อนาคต
    Tense แสดงอนาคตใน tenses(B) มีอยู่ 3 tenses คือ 1) future continuous 2) future perfect 3) future perfect continuous tense โดยยังมีอีก 1 tense ที่แสดงอนาคต เช่นกัน คือ future simple ซึ่งกล่าวถึงไปแล้วใน tenses(A)
    ดังนั้น tense ที่แสดงอนาคตจะมีอยู่ทั้งหมด 4 tenses ด้วยกัน
 
    Tense แสดง ‘อนาคต’ ใน tenses(B) ที่มีอยู่ 3 tenses มีกลเม็ดและหลักการใช้
ดังนี้
1. FUTURE CONTINUOUS
    There are 2 tricks of using Future Continuous:
   1. Future continuous is ‘will-be-happening-in-the-future’.
   มีกลเม็ดอยู่ ๒ กลเม็ดในการใช้ future continuous ดังนี้
   ๑. Future continuous (will be + v-ing) คือ ‘จะมีบางสิ่งกำลังเกิดขึ้น
ในอนาคต’ เช่น:


        –Tonight I will be watching the game with you.
           คืนนี้ฉันจะกำลังดูการแข่งขันกับเธอ

        –This evening I‘ll be cooking in the kitchen.
           เย็นนี้ฉันจะกำลังปรุงอาหารอยู่ในครัว

        –This afternoon I won’t get any line I will be talking with my client
          in the office.
           
บ่ายนี้ผมจะไม่รับสายใดๆ ผมจะกำลังพูดคุยกับลูกค้าในห้องทำงาน
   2.  Future continuous is ‘will-be-planning-to-do-something-
in-the-future’.
   ๒.  Future continuous (will be + v-ing) คือ ‘วางแผนที่จะทำบาง
สิ่งในอนาคต’ 
  
   การใช้ในข้อนี้เหมือนกับการใช้ present continuous เพื่อแสดงเวลาในอนาคต ดังนี้:
     –will be buying it tomorrow.             ฉันมีแผนที่จะซื้อมันวันพรุ่งนี้
     –am buying it tomorrow.
  ฉันมีแผนที่จะซื้อมันวันพรุ่งนี้

           
will be calling her later.             ฉันมีแผนที่จะโทรหาเจ้าหล่อนทีหลัง
     –am calling her later.
           
ฉันมีแผนที่จะโทรหาเจ้าหล่อนทีหลัง
2. FUTURE PERFECT
และ FUTURE PERFECT CONTINUOUS
    The trick of using Future Perfect is ‘will-have-finished-some
thing-in-the-future’.
    กลเม็ดหรือกุญแจของการใช้ future perfect (will have + v3) ก็คือ ‘จะทำบางสิ่งแล้วเสร็จ ณ เวลาหนึ่งในอนาคต’ เช่น:
    –This movie will have ended at about four-forty-five.
        ภาพยนตร์เรื่องนี้จะจบลงเวลาประมาณบ่าย 4 โมง 45 นาที
    –I will have finished my study next year.
        ฉันจะเรียนจบปีหน้า
    –I’ll have completed my homework at 7 o’clock.
        ฉันจะทำการบ้านเสร็จตอนหนึ่งทุ่ม
    –We’ll have started off by the time you arrive.
        พวกเราคงจะออกเดินทางกันไปแล้ว เวลาที่คุณไปถึงจุดนัดพบ
    ส่วนกลเม็ดการใช้ future perfect continuous (will have been + v-ing)
ก็จะคล้ายกับการใช้ future perfect ผู้ใช้จึงนิยมใช้ในรูป future perfect มากกว่า
ในปัจจุบัน future perfect continuous (will have been + v-ing) จึงได้ค่อยๆ
หลุดออกไปจากสารบบการใช้ tense ไปเรื่อยๆ นั่นคือ แทบจะไม่พบเห็นการใช้เลยใน
เวลานี้ ดังนั้น อย่าได้แปลกใจถ้าได้เห็นตำราไวยากรณ์ส่วนใหญ่ตัด tense นี้ออกไป
เลย
กลเม็ดการใช้ 7 tenses ที่ใช้น้อย
    Tense ทั้ง 7 tenses เป็น tense ที่นิยมใช้ในภาษาเขียนและการทำข้อสอบ มากกว่า
การใช้ในภาษาพูด

    ดังนั้น สำหรับท่านผู้อ่านที่ต้องการใช้ tense ในการสนทนาเท่านั้น ก็ขอให้มุ่งเน้นการ
ศึกษาไปที่ tense 5 tenses ใน TENSES (A) เป็นหลัก ส่วนทั้ง 7 tenses นี้ก็ขอให้
อ่านพอเข้าใจเท่านั้น และเมื่อมีเวลาว่างเมื่อใดก็ค่อยกลับมาทบทวนเป็นคราวๆไป แล้วการ
ใช้ทั้ง 7 tenses นี้ก็จะค่อยๆซึมซับเข้าไปในหัวสมองของเราโดยอัตโนมัติ
    ส่วนท่านผู้อ่านที่ต้องใช้  tense เพื่อการเขียนและการทำข้อสอบ ก็ขอให้ศึกษาทั้ง 7 tenses นี้ให้เข้าใจโดยกระจ่าง แล้วการเขียนและการทำข้อสอบของเราก็จะประสบผล
สำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ
                                              

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น