วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

วิธีทําผมให้ตรง สวยสะกดทุกสายตา

วิธีทําผมให้ตรง



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

         วิธีทําผมให้ตรงสวย พลิ้วสวยน่าสัมผัส ด้วยทริคสุดเจ๋งที่ช่วยเปลี่ยนให้คุณเป็นสาวผมตรงที่สวยมีเสน่ห์ไม่ซ้ำใคร สะบัดเมื่อไหร่ก็มั่นใจได้ยาวนานตลอดวัน
         สำหรับสาวผมยาว และสาว ๆ ที่ต้องการให้เส้นผมตรงสวยเรียบลื่น ไม่ชี้ฟูกระดกเป็นตูดเป็ด ให้ต้องคอยรำคาญใจ หรือไม่อยากไปจัดการยืดผมตรงแล้วเกิดผลเสียต่อเส้นผมในอนาคต วันนี้กระปุกดอทคอมขอเอาใจสาว ๆ ที่อยากมีผมยาวตรง ด้วยสุดยอดวิธีที่ช่วยเปลี่ยนให้ผมของคุณตรงสลวยสวยเก๋ ว่าแต่จะมีวิธีไหนบ้างนั้นตามไปดูกันค่ะ

       บำรุงด้วยทรีทเม้นท์หลังสระทุกครั้ง เพื่อเป็นการบำรุงเส้นผมให้มีสุขภาพดี ไม่หยาบกร้าน หรือชี้ฟู ด้วยการนวดหรือหมักทรีทเม้นท์สำหรับผมตรง เพื่อปรับสภาพผมให้ทิ้งตัวสลวยสวยเงางาม

       เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุง เพื่อผมตรงโดยเฉพาะ สำหรับสาว ๆ ที่อยากให้เส้นผมดูตรงสวยเป็นพิเศษ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผมในรูปแบบของเซรั่ม ลีฟออน หรือน้ำมันบำรุงเพื่อผมตรงโดยเฉพาะ โดยการนำมาลูบไล้ลงผมแห้งหมาดไล่ตั้งแต่ช่วงกลางศีรษะจดปลายผม เพื่อให้สารอาหารซึมลงไปยังเกล็ดผมและดูดซับสารบำรุงได้เต็มที่

       ใช้หวีไม้แทนหวีพลาสติก นับเป็นทริคเล็ก ๆ ที่สาวผมตรงควรจำให้ขึ้นใจเลยทีเดียว สำหรับการเลือกใช้หวีไม้ซี่ห่าง แทนหวีพลาสติกทั่วไป หวีเส้นผมในขณะที่ผมแห้งหมาดเป็นประจำทุกครั้ง เพื่อช่วยล็อกให้เส้นผมดูยาวตรงและเรียงตัวสวย ไม่หักงอหรือกระกดได้ง่าย เพราะการใช้หวีไม้สามารถช่วยลดการขาดหลุดร่วงของเส้นผมได้ดี

       ไดร์ผมให้ถูกวิธี สาว ๆ บางคนอาจเคยเจอปัญหาไดร์ผมแล้วผมดูแห้งชี้ฟูกว่าเดิม แทนที่ผมจะตรง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการปรับอุณหภูมิความร้อน และการใช้อุปกรณ์ผิดวิธี ไม่ว่าจะเป็นการจ่อไดร์ใกล้เส้นผมมากเกิน หรือไดร์ลมร้อนและแรงเกินจนทำให้ผมพองฟู อย่างแรกให้สาว ๆ ใส่สเปรย์กันความร้อนให้ทั่วเส้นผมเสียก่อน จากนั้นจึงปรับอุณหภูมิความร้อนของไดร์ให้พอเหมาะ แล้วเป่าผมตั้งแต่โคนผมไปสู่ปลายผม โดยถือไดร์ห่างออกมาสักครึ่งฟุตหรือหนึ่งฟุต แล้วใช้หวีแบนแทนหวีกลมช่วยหวีในขณะไดร์ผม วิธีนี้จะช่วยให้ผมเรียงตัวสวยเป็นธรรมชาติ

       จัดการด้วยเครื่องหนีบผม สำหรับใครที่อยากใช้เครื่องทุ่นแรง และตัวช่วยเสกผมตรงสวยได้ทุกวัน อาจเลือกใช้เครื่องหนีบผมแบบเซรามิกที่มีผิวเรียบลื่น เพื่อช่วยลดการเสียดทานไม่ให้ผมลีบแบน แห้งเสียได้ง่ายกว่า โดยเริ่มจากการแบ่งผมออกเป็นช่อเล็ก ๆ แล้วค่อย ๆ หนีบไปจนทั่วศีรษะ เพื่อผมตรงสวยอยู่ทรงตลอดวัน

       หลีกเลี่ยงพฤติกรรมบางอย่าง หลายคนอาจไม่รู้ว่าพฤติกรรมบางอย่างในชีวิตประจำวันของคุณนั้น อาจส่งผลให้เส้นผมไม่ตรงเรียบสวยดังใจ อาทิ เลือกใช้แชมพูไม่เหมาะกับสภาพเส้นผม การมัดรวบผมแทบทุกวัน ผมเสียจากการโดนความร้อน รวมถึงการใช้น้ำอุ่นสระผม เหล่านี้ล้วนเป็นเหตุและศัตรูตัวร้ายที่ทำให้ผมชี้ฟูแห้งเสียอย่างต่อเนื่อง รู้อย่างนี้แล้วก็ลดละเลิกเสียแต่วันนี้นะจ๊ะ !


          เพียงแค่สาว ๆ ทำตามเคล็ดลับที่เรานำมาฝากกันนี้เป็นประจำทุกวัน รวมถึงใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการดูแลผม ก็ช่วยเนรมิตให้ผมตรงสวยตรงใจได้แล้วล่ะค่ะ    

วิธีเร่งผมยาวภายใน 1 อาทิตย์ ยาวทันใจ แจ๋วจริง !

วิธีเร่งผมยาวภายใน 1 อาทิตย์



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          วิธีเร่งผมยาวภายใน 1 อาทิตย์ กลายเป็นปัญหาเส้นผมที่ทำเอาสาวผมสั้น และสาวใจร้อนต่างพากันหาคำตอบว่า จะพอมีวิธีใดบ้างที่ช่วยให้ผมยาวเร็วทันใจได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากผมของตัวเองมันยาวช้าเสียเหลือเกิน ยิ่งใครเผลอไปตัดผมสั้นแล้วไม่ถูกใจ ยิ่งเพิ่มความกลุ้มเข้าไปอีกเท่าตัว เอาล่ะ หากใครยังไม่รู้ว่าจะต้องงัดไม้เด็ดเร่งผมยาวด้วยวิธีไหนดี เรามีวิธีเร่งผมสุดเจ๋งมาฝากให้สาว ๆ ได้ลองเลือกไปใช้กันด้วยค่ะ

      สระผม ด้วยยาสระผมสูตรเร่งผมยาว นับเป็นตัวช่วยเร่งผมที่สาว ๆ หลายคนหาซื้อมาใช้ เพื่อเร่งให้ผมยาวไวขึ้น เนื่องจากในยาสระผมเร่งผมยาวจะประกอบไปด้วยอาหารผม และวิตามินต่าง ๆ ที่ช่วยบำรุงและกระตุ้นให้ผมยาวเร็วขึ้น

      ใช้แฮร์โทนิคหรือเซรั่มเร่งผมยาว เพื่อเป็นการเสริมการบำรุงให้เส้นผมเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ให้ใช้เซรั่ม ลีฟออน ซันออนเร่งผมยาว หรือแฮร์โทนิคอาหารผม ลูบไล้เส้นผมหลังสระทุกครั้ง เพื่อช่วยกระตุ้นการทำงานหนังศีรษะและเส้นผมให้งอกใหม่และยาวเร็วขึ้น

      หมักผมด้วยสูตรธรรมชาติ ถือเป็นเคล็ดลับสำคัญที่ช่วยบำรุงและเพิ่มประสิทธิภาพให้ผมยาวเร็ว แบบไม่ต้องใช้สารเคมีรุนแรง ด้วยการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ ดังนี้

วิธีเร่งผมยาวภายใน 1 อาทิตย์

          น้ำมันมะกอก + ไข่แดง เพียงน้ำมันมะกอกประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ ผสมลงในไข่ 2 ฟอง จากนั้นนำไปหมักผมทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนสระผมตามปกติ โปรตีนในไข่แดงและน้ำมันมะกอกจะช่วยบำรุงสุขภาพผมให้ยาวเร็ว ทำให้ผมนุ่มเด้งสวยแบบธรรมชาติอีกด้วย

          น้ำมันเมล็ดองุ่น นำน้ำมันเมล็ดองุ่นชโลมลงไปโดยตรงบนหนังศีรษะ แล้วใช้มือนวดเบา ๆ เพื่อให้น้ำมันซึมซาบลงไปสู่หนังศีรษะและเส้นผม สูตรนี้ให้ทำวันเว้นวันจะช่วยบำรุงให้ผมยาวเร็วทันใจ

          น้ำมะกรูด ล้างลูกมะกรูดให้สะอาดจากนั้นจึงนำมาคั้นเอาแต่น้ำ แล้วนำมาหมักลงเส้นผมหรือผสมกับยาสระผมเป็นประจำทุกวัน จะช่วยกระตุ้นการทำงานของหนังศีรษะ และทำให้ผมยาวเร็วขึ้นกว่าเดิม

      นวดเส้นผมและหนังศรีษะ 3 นาที มากระตุ้นการทำงานของเส้นผม ด้วยการออกกำลังกายเบา ๆ โดยการก้มหัวลงเล็กน้อย แล้วใช้ปลายนิ้วมือทั้งสองข้างนวดให้ทั่วหนังศีรษะประมาณ 2-3 นาที ทำในขณะที่กำลังสระผมหรือทำเป็นประจำทุกวัน จะช่วยกระตุ้นเลือดให้ไหลเวียนไปเลี้ยงเส้นผมที่ศีรษะ เร่งให้ผมยาวเร็วและแข็งแรงอีกด้วย

      แปรงผมเบา ๆ  ไม่ว่าจะเป็นหลังสระผม หรือก่อนนอน สาว ๆ ควรใช้แปรงหวีผมที่มีขนอ่อนนุ่ม แปรงลงบนผมเบา ๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดที่หนังศีรษะให้ทำงานได้ดี ส่งผลให้ผมยาวเร็วยิ่งขึ้น

      รับประทานอาหารที่ดีต่อเส้นผม โดยเฉพาะอาหารที่อุดมไปด้วยไบโอติน โปรตีน และวิตามินบีทุกชนิด ที่มีอยู่ในเนื้อปลา ตับ ไข่แดง ข้าวซ้อมมือ นม นมถั่วเหลือง ธัญพืช ผักใบเขียว และฟักทอง เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างเส้นผมใหม่ และบำรุงเส้นผมให้สวยสุขภาพดีอยู่เสมอ

      เล็มปลายเสียออกซะ แม้คุณจะเสียดายผมมาก จนไม่อยากจะตัดให้มันสั้นกุดไปกว่าเดิม แต่มันไม่ใช่เรื่องดีเลยล่ะที่จะฝืนเลี้ยงผมเสียไว้ ทางที่ดีคุณควรตัดเล็มผมส่วนปลายที่แห้งแตกปลาย หรือผมช็อตออกไปเสียบ้าง เพื่อให้เส้นผมได้รับการฟื้นบำรุงอย่างเต็มประสิทธิภาพ


             นอกเหนือจากสารพัดวิธีที่เรานำมาฝากกันนี้ สิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ การดูแลและบำรุงเส้นผมให้สะอาดไร้สารเคมีอยู่เสมอ เพราะต้นเหตุของปัญหาผมยาวช้า ส่วนหนึ่งมาจากมลพิษ สารเคมี และขาดการบำรุงอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญ ความเครียดก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยาวช้าและเกิดปัญหาหลุดร่วงอีกด้วย รู้อย่างนี้แล้วอย่าลืมดูแลเส้นผมของตัวเองกันด้วยนะคะ 

ลดต้นแขน ต้นขา แบบสมบูรณ์ ไม่กลับมาใหญ่อีก

ลดต้นแขน ต้นขา แบบสมบูรณ์ ไม่กลับมาใหญ่อีก

 

เชื่อว่าปัญหาเรื่อง ต้นแขนใหญ่ ต้นขาที่ใหญ่ เป็นปัญหาใหญ่ที่สาวๆ หลายคนหนักใจ พร้อมทั้งอยากกำจัดให้เร็วที่สุด เพราะทำให้เกิดความกังวลเมื่อสวมเสื้อผ้าว่าสวมแล้ว ต้นแขน ต้นขาที่ใหญ่จะทำให้ดูน่าเกลียดหรือเปล่า หรือบางครั้งก็เกิดปัญหาว่า มีเสื้อผ้าที่ชอบและขนาดพอดีตัว แต่กลับยัดแขนขาไม่เข้า เป็นต้น

ต้นแขน ต้นขาใหญ่เกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร 
 
  • มีเนื้อกล้ามแขน ขามาก มักเกิดขึ้นจากการใช้งานหนักๆ เช่น การยกของหนักบ่อยๆ การออกกำลังกาย เป็นต้น คนที่มีกล้ามเนื้อต้นแขนมาก เมื่อจับที่ต้นแขนจะให้ความรู้สึกแข็งๆ
  • มีไขมันสะสมมาก เกิดขึ้นจากการสะสมกันของไขมันบริเวณต้นแขน เมื่อจับดูจะรู้สึกเหลวๆ
 

การลดต้นแขน ต้นขา แบบสมบูรณ์ อย่างง่ายๆด้วยตัวคุณเอง


สำหรับคนที่มีกล้ามเนื้อต้นแขนต้นขามากๆ ซึ่งเกิดขึ้นจากการออกกำลังกาย หรือยกของหนักเป็นประจำ สามารถทำได้โดยลดการใช้งานแขนให้น้อยลง ซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อค่อยๆลีบเล็กลง แต่วิธีการดังกล่าวต้องใช้เวลานาน

สำหรับคนที่มีไขมันสะสมบริเวณต้นแขนมากๆ จำเป็นที่จะต้องใช้การออกกำลังกายเฉพาะส่วน เพื่อช่วยในการรีดไขมันส่วนเกินให้หมดไป ซึ่งในครั้งนี้ จะขอแนะนำวิธีการออกกำลังกายเฉพาะส่วนแบบง่ายๆ ที่สามารถทำได้ด้วยตัวคุณเอง 


วิธีการออกกำลังกายเฉพาะส่วน เพื่อลดไขมันส่วนเกิน

การออกกำลังกายเฉพาะส่วน เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการมุ่งเน้นรีดไขมันส่วนเกินออกจากส่วนที่เราต้องการ ซึ่งในครั้งนี้จะเป็นการสอนวิธีการออกกำลังกายง่ายๆ สำหรับการลดต้นแขน และต้นขา ดังต่อไปนี้

1. การออกกำลังกายเพื่อลดต้นแขน

วิธีการลดไขมันที่สะสมอยู่ในบริเวณต้นแขน ต้องใช้วิธีการออกกำลังกายโดยการออกำลังเบาๆ ไม่ต้องเน้นที่น้ำหนัก แต่ให้เน้นไปที่ความถี่ โดยออกกำลังกายให้บ่อยครั้งเข้าไว้ โดยมีวิธีการออกกำลังกายง่ายๆ ซึ่งสามารถเลือกนำท่าที่เหมาะสมกับเราไปใช้ออกกำลัง ดังต่อไปนี้


อุปกรณ์ที่ใช้ : ดัมเบลล์ 1 กิโลกรัม หรือขวดน้ำ 1 ลิตร

ท่าที่ 1 : ยืนกางขาให้พอดีกับหัวไหล่ 2 ข้าง แล้วถือดัมเบลล์ (หรือขวดน้ำ) แบบหงายมือวางแนบทิ้งกับลำตัว จากนั้นเกร็งแขน ยกดัมเบลล์ ในท่าพับข้อศอกขึ้นมาชิดหัวไหล่ ค่อยๆทำช้าๆ ขึ้นลง สลับซ้ายขวา วันละ 20 ครั้ง

ท่าที่ 2 : ยืนกางขาพอดีกับหัวไหล่ ในมือถือดัมเบลล์ทั้งมือซ้ายและมือขวาอย่างละอัน โดยถือแบบคว่ำมือวางชิดกับลำตัว จากนั้นให้เกร็งแขนแล้วยกดัมเบลล์ขึ้นมาโดยไม่งอแขน ยกขึ้นมาให้ขนานกับพื้นในระดับที่พอดีกับหัวไหล่ ค่อยๆทำขึ้นลง วันละ 20 ครั้ง

ท่าที่ 3 : ยืนกางขาพอประมาณ ย่อเข่าเพียงเล็กน้อย แล้วใช้มือทั้งสองข้างจับดัมเบลล์ 1 อัน ค่อยๆ ยกขึ้นเหนือหัว เหยียดแขนทั้งสองให้ตรงค้างไว้สักพัก แล้วค่อยๆพับแขนลงด้านหลังให้เป็นรูปตัว L คว่ำ ขั้นตอนนี้ ควรจับให้แน่นเพื่อป้องกันอันตราย ทำวันละ 20 ครั้ง

2. การออกกำลังกายเพื่อลดต้นขา
การลดต้นขา ขึ้นชื่อว่าเป็นส่วนที่ลดยากมากที่สุดส่วนหนึ่งในร่างกาย การออกกำลังกายลดต้นขาที่ถูกต้อง ต้องเน้นที่การกระชับกล้ามเนื้อ ไม่ใช่การสร้างกล้ามเนื้อเข้าไปเพิ่มให้ใหญ่กว่าเดิม

ดังนั้น ควรที่จะระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต้นขาที่มาก เพราะจะยิ่งเป็นการทำให้ต้นขาใหญ่มากขึ้น

การออกกำลังกายประเภทวิ่ง หรือการยกเวทที่มีน้ำหนักมากๆ ถือว่าเป็นการออกกำลังกายที่ผิดวิธี เพราะจะทำให้ต้นขารับน้ำหนักที่มากขึ้น 

 


สำหรับ วิธีการลดต้นขาที่สามารถทำได้ง่าย ได้ผลจริงและยิ่งทำร่วมกับการออกกำลังกายจะยิ่งทำให้เห็นผลเร็วมากยิ่งขึ้น มีท่าบริหารอยู่ทั้งหมด 6 ท่า ด้วยกัน ซึ่งอาจจะเลือกออกกำลังจากเพียงบางท่าที่เหมาะสมกับตัวเรามากที่สุด โดยที่ไม่ต้องทำทุกท่าก็ได้ ดังต่อไปนี้

ท่าที่ 1 : นอนราบกับพื้น ไขว้ข้อเท้าทั้งสองข้างเอาไว้ด้วยกัน จากนั้นงอเข่าทั้งสองข้างเข้ามาให้ชิดลำตัวมากที่สุด โดยข้อเท้าทั้งสองข้างยังไขว้กันอยู่ ค้างไว้สักพัก แล้วค่อยๆยืดขาออก และคลายข้อเท้าทั้งสองข้างออกจากกัน แล้วเริ่มทำใหม่อีกครั้ง 

ท่าที่ 2 : นอนราบกับพื้น เหยียดขาให้ตรงและตึง แล้วค่อยๆยกขาขึ้น ปล่อยค้างไว้ 15-20 วินาที แล้วทำซ้ำๆกันหลายๆครั้ง

ท่าที่ 3 : ปั่นจักรยานกลางอากาศ ประมาณ 200 ครั้งต่อวัน

ท่าที่ 4 : นั่งตัวตรงบนเกาอี้ โดยนั่งชิดกับพนักพิง ยกขาขึ้นมาให้อยู่ในแนวเดียวกับหน้าตัก หายใจเข้า แล้วค่อยๆวางขาลงที่พื้น หายใจออกเบาๆ แล้วเริ่มทำใหม่อีกครั้ง ทำซ้ำๆ ประมาณ 20 ครั้ง

ท่าที่ 5 : นอนหงายราบกับพื้น มือทั้งสองข้างประสานกันใต้ศีรษะ แล้วงอเข่าข้างซ้ายเข้ามาให้ชิดหน้าอก แล้วเหยียดขาข้างขวาขึ้นไปด้านบนอย่างช้าๆ จนสุด แล้วค้างไว้สักพัก จากนั้นสลับข้างกัน

ท่าที่ 6 : ให้นั่งตัวตรง หลังพิงพนักเกาอี้ หนีบหนังสือเล่มหนาๆไว้ที่ระหว่างขา อย่างไรก็ตาม การออกกำลังกายเฉพาะส่วนเพื่อรีดไขมันนั้น ควรที่จะทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งกว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจอาจจะต้องใช้เวลานานหลายเดือนทีเดียว

เมื่อเห็นผลลัพธ์แล้วก็ควรที่จะออกกำลังกายต่อไปเป็นประจำ พร้อมกับควบคุมพฤติกรรมการกินอาหารให้เหมาะสม เพื่อให้ต้นแขนต้นขาที่เรียวเล็กสวยงามยังคงอยู่กับเราต่อไปอีกนาน 

 

วิธีอื่นๆ ในการลดไขมันต้นแขน ต้นขา

 
ดูดไขมัน


นอกจากการออกกำลังกายลดไขมันเฉพาะส่วนแล้ว ยังมีวิธีการอื่นที่ช่วยลดไขมันออกจากต้นแขน ต้นขาของเรา หนึ่งในวิธีเหล่านั้นคือ การดูดไขมันออกจากต้นแขนต้นขาโดยตรง ซึ่งวิธีการดั่งกล่าวจำเป็นที่จะต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อีกทั้งยังมีราคาค่าใช้จ่ายที่สูง และเป็นการรีดไขมันที่ไม่ใช่วิธีตามธรรมชาติ

สำหรับคนที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย และไม่อยากเสี่ยงรีดไขมันด้วยวิธีทางการแพทย์ คงกำลังมองหาทางออกอื่นที่ดี สะดวก และง่ายกว่า

สูตรพอกหน้าใสไร้สิว ลดริ้วรอย ด้วยวิธีธรรมชาติ ทำอย่างไร

สูตรพอกหน้าใสไร้สิว ลดริ้วรอย ด้วยวิธีธรรมชาติ ทำอย่างไร

ผิวขาวกระจ่างใสมีออร่า เปล่งประกายดุจไข่มุกสีน้ำนม คือ สุดยอดแห่งผิวหน้าที่คุณสาวๆ ใฝ่ฝันอยากที่จะครอบครอง เพราะสุขภาพผิวที่ดีและสวยงาม ช่วยให้คุณสาวๆ สามารถที่จะพิชิตใจหนุ่มๆ ที่ตัวเองปลื้มได้อย่างไม่ยาก อีกทั้งยังเป็นการช่วยเสริมเสน่ห์ให้กับตัวคุณสาวๆ ให้รู้สึกมั่นใจเวลาที่ต้องไปเข้าสังคมอีกด้วย เรียกได้ว่าใบหน้าที่ขาวสวยใสนั้น ช่วยให้คุณสาวๆ มีชัยในการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างไม่ยากเย็น 

แต่ก่อนที่จะได้มาซึ่งผิวที่ขาวดังไข่มุกนั้น คุณสาวๆ ก็ต้องหมั่นดูแลรักษา พร้อมกับบำรุงผิวพรรณของตัวเองให้ดี “การพอกหน้าใส” ก็เป็นอีกหนึ่งในวิธีการที่จะช่วยทำให้ใบหน้าของคุณสาวๆ ขาวใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ แถมยังเป็นวิธีการที่สามารถทำได้อย่างง่ายๆ ที่บ้านอีกต่างหาก

เมื่อรู้แบบนี้แล้วจะรอช้าอยู่ทำไม วันนี้เรารีบไปรู้จักกับวิธีการพอกหน้าใสจากสูตรธรรมชาติกันเลยดีกว่า ว่ามีสูตรอะไรกันบ้าง...!?
 

สูตรพอกหน้าใสจากวิธีธรรมชาติ

 


สูตรพอกหน้าใส ที่กำลังจะนำเสนอต่อไปนี้ เป็นส่วนผสมที่เรียบง่าย แต่การที่จะพอกหน้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด คุณสาวๆ ก็ควรที่จะทำตามเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง และอย่าพึ่งใจร้อน เพราะอยากสวยก็ต้องใช้เวลาและความอดทน เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง คุณสาวๆ จะสามารถสัมผัสได้ว่า ผิวของตัวเองใบหน้ามีความขาวเนียนใสมากขึ้น อีกทั้งส่วนผสมเหล่านี้ยังมาจากธรรมชาติ เพราะฉะนั้นจึงหมดห่วงในเรื่องผลกระทบจากสารเคมี หรืออันตรายต่อร่างกายอย่างแน่นอน 

สำหรับสูตรพอกหน้าใสที่ได้รับความนิยม ซึ่งได้ทำการรวบรวมมา มีดังต่อไปนี้

             1. สูตรน้ำผึ้ง+โยเกิร์ต นำน้ำผึ้งและโยเกิร์ตมาผสมเข้าด้วยกัน แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาพอกลงบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
            2. สูตรมะละกอสุก+นมสด นำมะละกอสุกและนมสดมาทำการผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาทำการพอกบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
            3. สูตรน้ำมะพร้าว นำน้ำมะพร้าวมาทาบนใบหน้า เนื่องจากน้ำมะพร้าวสามารถช่วยทำให้ผิวนุ่มเนียน และชุ่มชื่นมากยิ่งขึ้น
            4. สูตรกล้วยหอม+นมสด นำกล้วยหอมและนมสดมาผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาทำการพอกบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

 

            5. สูตรโยเกิร์ต นำโยเกิร์ตรสธรรมชาติมาพอกหน้า แล้วทิ้งเอาไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
            6. สูตรดินสอพอง เป็นสูตรที่เหมาะกับคนหน้ามัน นำดินสอพองมาผสมกับน้ำเปล่า แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาทำการพอกบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
            7. สูตรไข่ขาว นำไข่ขาวมาพอกที่หน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

            8. สูตรขมิ้น นำขมิ้นมาบดให้ละเอียดผสมน้ำเล็กน้อย แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาทำการพอกลงบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
            9. สูตรแอปเปิ้ล นำแอปเปิ้ลประมาณครึ่งผล ปั่นให้ละเอียดโดยที่ไม่ต้องปอกเปลือก แล้วนำมาพอกบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 25 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
 
            10. สูตรแอปเปิ้ล+น้ำมะนาว นำแอปเปิ้ลประมาณครึ่งผล ปั่นให้ละเอียดโดยที่ไม่ต้องปอกเปลือกแล้วนำแอปเปิ้ลที่ปั่นละเอียดแล้วผสมเข้ากับน้ำมะนาวประมาณ 2
ช้อนชาให้เข้ากัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้มาทำการพอกบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

 

            11. สูตรมะเขือเทศ+โยเกิร์ต นำมะเขือเทศลูกเล็กๆ จำนวน 3 ลูก และโยเกิร์ต 3 ช้อนโต๊ะ ปั่นให้ละเอียดให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาทำการพอกบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
            12. สูตรโยเกิร์ต+เกลือป่น นำโยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย ผสมเข้ากับเกลือป่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ ให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาทำการพอกบนใบหน้า จากนั้นให้ใช้ปลายนิ้วชี้และนิ้วกลางขัดไปทั่วหน้าในลักษณะวงกลมอย่างเบามือประมาณ 5 นาที แล้วปล่อยทิ้งเอาไว้ 5 นาที หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
            13. สูตรแตงกวา+ไข่ขาว เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาหน้าที่มีความมัน และปัญหาเรื่องสิวมากๆ นำแตงกวา 1 ลูก ไข่ขาว 1 ฟอง น้ำมะนาว 1 ช้อนชา ผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาทำการพอกบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
             14. สูตรแตงโม นำแตงโมมาฝานให้เป็นชิ้นบางๆ จากส่วนที่แดงที่สุด จากนั้นให้นำชิ้นแตงโมเหล่านั้นมาแปะให้ทั่วใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
            15. สูตรมะเขือเทศสด นำมะเขือเทศมาฝานให้เป็นชิ้นหนาๆ แล้วนำมาถูให้ทั่วใบหน้าและลำคอ เมื่อรู้สึกว่าน้ำในมะเขือเทศหมดแล้วให้เปลี่ยนชิ้นใหม่มาถูแทน ทิ้งเอาไว้สักครู่ แล้วใช้สำลีชุบน้ำเย็น เช็ดมะเขือเทศบนใบหน้าออกให้สะอาด

 

            16. สูตรนมเปรี้ยวแช่เย็น สูตรนี้เหมาะสำหรับคนที่มีผิวมัน เริ่มจากการล้างหน้าให้สะอาด แล้วนำนมเปรี้ยวที่แช่เย็นมาทาพอกให้ทั่วใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วใช้ผ้าขนหนูนุ่มๆ เช็ดออก
            17. สูตรมะขามเปียก+นมสด นำน้ำที่คั้นออกมาจากมะขามเปียกที่ผสมกับน้ำอุ่นประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ผสมเข้ากับนมสด 2-3 ช้อนโต๊ะ แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาทำการพอกบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
            18. สูตรมะเขือเทศ+ข้าวโอ๊ต นำมะเขือเทศ 1 ผลมาบดให้ละเอียด แล้วผสมเข้ากับข้าวโอ๊ต 1 ช้อนชา ให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาทำการพอกบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
            19. สูตรวุ้นว่านหางจระเข้ นำวานหางจระเข้มาปอกเปลือกเอาแต่เนื้อวุ้นที่อยู่ภายใน ล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำไปปั่นหรือบดจนละเอียดกลายเป็นเนื้อเจล จากนั้นนำไปการพอกบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
            20. สูตรใบบัวบก นำใบบัวบกสดมาคั้นเอาน้ำ ใช้ผ้าก็อตสะอาดจุ่มเอาน้ำใบบัวบก แล้วนำผ้าก็อตไปวางทั่วใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออก

 

อย่างไรก็ตาม ในการพอกหน้า ควรทำการพอกโดยเว้นบริเวณรอบดวงตา และปากเอาไว้เพื่อป้องกันระคายเคือง สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ควรทำการทดสอบก่อนว่าผิวของตัวเองแพ้ส่วนผสมในสูตรพอกหน้าใดหรือไม่ 

โดยทำการทดสอบกับผิวหนังด้านในของส่วนพับแขน ทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น พร้อมกับสังเกตว่าภายใน 24 ชั่วโมง ว่ามีความผิดปกติของผิวหนังในบริเวณที่ทำการพอกเอาไว้หรือไม่ เช่น อาการแสบ คัน ระคายเคือง ตุ่มคัน เป็นต้น ถ้าหากไม่มีอาการผิดปกติ จึงค่อยทำการพอกหน้า เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพผิวของคุณสาวๆ เอง

เคล็ดลับการเสริมความสวยใส ไร้สิวและริ้วรอยจากธณรมชาติ ผ่านภายใน
         นอกจากวิธีการดูแลผิวหน้าให้สวยใส ไร้สิวและริ้วรอยโดยวิธีธรรมชาติจากภายนอกแล้ว คุณยังสามารุที่จะใช้วิธีการบำรุงจากภายในได้เช่นกัน ผ่านการเสริมแร่ธาตุที่มีความจำเป็นในการเสริมความงาม ซึ่งหนึ่งในสารอาหารที่ได้รับความนิยม และเป็นที่รู้จักกันดีที่สุดก็คือ “วิตามินซี” นั่งเอง
         หลายๆคนอาจจะมีความเข้าใจที่ผิดๆว่า “วิตามินซี ยิ่งแพง ยิ่งมีคุณภาพดี” แต่ในความเป็นจริงแล้ว คุณภาพของวิตามินซีนั้น ไม่ได้อยู่ที่ราคา แต่อยู่ที่จำนวนมิลลิกรัมของวิตามินซีว่า มีมากเพียงพอต่อความต้องการในการบำรุงผิวพรรณในหนึ่งวันหรือไม่ และมีโมเลกุลที่เล็กเพียงพอให้ร่างกายสามารถทำการดูดซึมได้หมด อย่างรวดเร็วหรือเปล่าต่างหาก ซึ่งสำหรับใครที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ อาหารเสริมวิตามินซีดีๆสักชิ้นที่มีราคาไม่แพง แถมยังมีคุณภาพทั้งสองสิ่งทีได้กล่าวถึงไปแล้วอย่างครบถ้วนอยู่ล่ะก็ มีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมวิตามินซีชิ้นหนึ่ง ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้เป็นอย่างดี
Daily Vits วิตามินซี เคล็ดลับความงาม ที่มาพร้อมกับสุขภาพที่ดี 
         ผิวพรรณงดงามที่มาพร้อมกับสุขภาพที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่จำเป็นจะต้องแลกมาด้วยราคาที่แพงเสมอไป ครั้งแรกกับเคล็ดลับความสมดุลความงามอย่างแห่งธรรมชาติ ในราคาแสนประหยัด กับที่สุดของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารวิตามินซี Daily Vits  เคล็ดลับแห่งความงามอย่างสมบูรณ์ อุดมด้วยวิตามินซีจากธรรมชาติที่มีความเข้มข้นสูงมากถึง 1500 มิลลิกรัม ต่อเม็ด เรียกได้ว่าเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในการบำรุงผิวพรรณ และช่วยลดโอกาสโรคต่างๆได้อีกหลายชนิดเลยทีเดียว
         นอกจากนี้ วิตามินซีของ Daily Vits  ยังมีโมเลกุลที่เล็กมากจนร่างกายสามารถดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติสุดพิเศษในการบำรุงผิวพรรณให้สดใสงดงาม เสริมสร้างสุขภาพที่ดี และช่วยในการควบคุมลดน้ำหนัก ด้วยการกระตุ้น บำรุง ฟื้นฟู รักษา และเสริมสร้างระบบที่สำคัญต่างๆใน

 

คณะที่น่าเรียนของพวกเราเด็กศิลป์ภาษา

สำหรับเด็กศิลป์ภาษาที่ไม่รู้ว่าเราจะต่อคณะอะไรได้บ้าง วันนี้หม่อนก็ได้นำลิ้งเกี่ยวกับเด็กภาษามาให้นะคะ หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับเด็กศิลป์ภาษาทุกคนนะคะ เราอย่าน้อยใจที่เราเป็นเด็กภาาานะ เด็กภาษาเข้าได้ตั้งหลายคณะ ลองตามมาดูกันเลย


1.tp://www.trueplookpanya.com/true/guidance_after_m6.php?cms_category_id=124

2.http://www.dek-d.com/admission/35237/

3.http://www.dek-d.com/board/view/1421846/

4.https://www.facebook.com/DekAdmission/posts/335419786543358

5.://www.jeban.com/viewtopic.php?t=164448

6.http://mathurosw.blogspot.com/2011/06/top-5.html

7.http://www.vcharkarn.com/vcafe/32224