วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2558

10 อันดับ สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในอาเซียน

ประเทศไทยของเรานั้นใกล้จะเป็นส่วนหนึ่งของ AEC (Asean Economic Community) หรือ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เข้าไปทุกทีแล้ว จะเห็นได้ชัดเลยว่ามีธงชาติของประเทศเพื่อนบ้านโบกสะบัดอยู่ตามโรงเรียนเกือบทุกที่ในบ้านเราค่ะ เพราะฉะนั้นขอเกาะกระแสสักหน่อย มารู้จักกับแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตของอาเซียนเราบ้างว่ามีที่ไหนบ้าง ?

10. ฮอยอัน (Hoi An) : เวียดนาม
10 อันดับ สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในอาเซียน
Romas_Photo / Shutterstock.com
 
10 อันดับ สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในอาเซียน
Hoang Cong Thanh / Shutterstock.com
 
ฮอยอัน...ฉันรักเธอ !! เมืองมรดกโลกเล็กๆ ริมฝั่งทะเลจีนใต้ ทางตอนกลางของประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดกว๋างนาม ซึ่งในอดีตเคยเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทีเดียว ทุกวันนี้ ฮอยอันยังคงเป็นเมืองขนาดเล็กเช่นเดิม แต่ก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยือนเป็นจำนวนมากค่ะ  สิ่งที่น่าสนใจของฮอยอันก็คือผลงานทางศิลปะ และหัตถกรรม คนชอบสะสมของเก่าสามารถหาชมของโบราณได้อย่างหลากหลายอีกด้วยค่ะ 

9. เกาะกีลี (Gili Islands) : อินโดนีเซีย
10 อันดับ สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในอาเซียน
10 อันดับ สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในอาเซียน
เกาะกีลี เป็นแหล่งพักผ่อนอีกแห่งของอินโดนีเซียที่นักท่องเที่ยวนิยมมา โดยมีหมู่เกาะขนาดเล็กอีก 3 เกาะ คือเกาะทราวานกัน เกาะกีลี เมโน และเกาะกีลี แอร์ ที่นี่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผ่อนคลาย เอนตัวลงนอนพักผ่อนริมหาดทรายขาวนวล และเพลิดเพลินไปกับคาเฟ่ริมหาดที่เล่นดนตรีเร็กเก้ โดยที่ไม่มีเสียงรถยนต์หรือมอเตอร์ไซด์มารบกวนช่วงเวลาแห่งความสุขแน่นอนเพราะที่นี่ไม่มีมีรถ ใช้เดินเท้า จะมีก็เพียงเกวียนหรือรถคาร์ท เท่านั้น คุณมาที่นี่ก็เพื่อพักผ่อนที่ชายหาด ว่ายน้ำกับเจ้าฉลาม หรือชมเจ้าปลากระเบน 

8. วังเวียง (Vang Vieng) : ลาว 
10 อันดับ สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในอาเซียน
10 อันดับ สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในอาเซียน
วังเวียง หรือ “กุ้ยหลินเมืองลาว” เมืองที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ ทิวเขา สายน้ำซอง ไร่นาแบบขั้นบันได และหมู่บ้านชนพื้นเมืองเผ่าต่างๆ ทำให้ไม่น่าแปลกใจที่นักท่องเที่ยวต่างชาติต่างจะหลงไหลแวะเวียนกันมาท่องเที่ยวอย่างไม่ขาดสาย ไฮไลท์ของที่นี่คือการล่องลอยไปบนห่วงยางจากต้นน้ำซองลงไปที่เมืองวังเวียง ในระหว่างทางสามารถขึ้นพักที่ร้านอาหารข้างแม่น้ำ ดื่มเหล้าแบบฉบับของลาว และโหนเชือกลงในแม่น้ำซองจนกระทั่งเย็น 

7. ฮาลองเบย์ (Ha Long Bay) : เวียดนาม
10 อันดับ สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในอาเซียน
Hoang Cong Thanh / Shutterstock.com

10 อันดับ สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในอาเซียน
ฮาลองเบย์ มหัศจรรย์แห่งอ่าวมังกรตกน้ำ ตามนิทานปรัมปราของชาวเวียดนาม ที่กล่าวถึงมังกรโบราณซึ่งเคยร่อนมาลงในอ่าวนี้เมื่อครั้งดึกดำบรรพ์ และชื่อของฮาลอง ก็แปลได้ว่า มังกรร่อนลง จากความสวยงามและสมบูรณ์ของอ่าวฮาลอง ทำให้ที่นี่ประกาศได้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ จากองค์กรยูเนสโก ในปี พ.ศ. 2537 เสน่ห์ของที่นี่คือ เกาะหินปูนเกือบ 2,000 เกาะ ซึ่งมีถ้ำมากมายรอให้เราไปชม แถมที่นี่ยังมีอ่าวที่ เหมาะแก่การพายเรือคายัคด้วย

6. เกาะปาลาวัน (Palawan) : Philippines
10 อันดับ สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในอาเซียน
10 อันดับ สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในอาเซียน
เกาะปาลาวัน คือเพชรเม็ดงามของเอเชียอาคเนย์ที่ซ่อนตัวอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฟิลิปปินส์ เป็นที่ๆ คุณจะไม่พบพวกแบ็คแพ็คเกอร์เกิน 50 คนในแต่ละที่ และชาวพื้นเมืองเป็นมิตรที่ดีมาก เกาะเล็กๆ นี้เต็มไปด้วยหมู่บ้านชาวประมงที่ดูแปลกตา สัตว์ป่านานาพันธุ์ และยังได้รับการขนานนามว่าเป็นจุดดำน้ำที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

5. ขับมอเตอร์ไบท์รอบเวียดนาม : เวียดนาม
10 อันดับ สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในอาเซียน
10 อันดับ สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในอาเซียน
มอร์เตอร์ไบท์ทัวร์รอบเวียตนาม คุณสามารถขับขี่รถมอร์เตอร์ไบท์ของคุณเอง หรือจ้างคนขับให้เพื่อท่องไปในชนบทของเวียดนามที่ผู้คนไม่ค่อยไปกัน ซึ่งนี่คือไฮไลท์ของทริป คุณจะได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามในระหว่างทางไปดัลลัต

4. Full moon party เกาะพงัน (Koh Pangan) : ไทย
10 อันดับ สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในอาเซียน
OlegD / Shutterstock.com

10 อันดับ สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในอาเซียน
OlegD / Shutterstock.com

ฟูลมูนปาร์ตี้ที่เกาะพงัน ประเทศไทย ที่เล่ากันว่าที่นี่มีนักท่องเที่ยวเริ่มกิจกรรมกันเพียงไม่กี่คน แต่ ณ เวลานี้มีคนเข้าร่วมมากมายกว่า 10,000 คนต่อเดือนแล้ว…. ปาร์ตี้ที่เป็นทั้งความสนุกสนาน และพิธีกรรมของนักเดินทางที่ผ่านเข้ามาในเมืองไทย ที่เกาะพะงันคุณจะได้พบกับผู้คนมากมาย สนุกสนานด้วยกันได้จนกระทั่งรุ่งเช้าของวันใหม่

3. นครวัด (Angkor Wat) : กัมพูชา
10 อันดับ สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในอาเซียน
10 อันดับ สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในอาเซียน
ปราสาทนครวัด เป็นปราสาทที่สวยงามจนได้เป็นมรดกโลก และได้จัดเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก สร้างในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 บูชาวิษณุเทพ เป็นศาสนสถานตั้งอยู่ในเมืองพระนคร จังหวัดเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในโลก นักท่องเที่ยวมากมายมักไปที่นั่นเมื่อมาถึงเอเชียอาคเนย์

2. เมือง Bukit Lawang เกาะสุมาตรา : อินโดนีเซีย
10 อันดับ สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในอาเซียน
10 อันดับ สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในอาเซียน
เมืองเล็กในป่าอันกว้างใหญ่ที่อยู่ทางเหนือของเกาะสุมาตรา ถ้าคุณเดินทางไปกับผู้นำทางที่เก่ง ที่นั่นคุณจะพบลิงอุรังอุตังมากมาย เขาว่าเพียงแค่  4 ชั่วโมงที่ออกไปก็ได้เจอกับ อุลังอุตังถึง 8 ตัว และ 6 ใน 8 เป็นลูกของมันด้วยล่ะ

1. เมือง Donsol : ฟิลิปปินส์ 
10 อันดับ สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในอาเซียน
10 อันดับ สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในอาเซียน
Donsol ตั้งอยู่ทางใต้ของเกาะ Luzon ประเทศฟิลิปปินส์ ความมหัศจรรย์ของที่นี่คือ การที่คุณสามารถพบฉลามวาฬที่ได้ชื่อว่าเป็นปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลก หรือสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก จากตรงนี้เองคุณๆสามารถออกไปว่ายน้ำเล่นกับเจ้าฉลามวาฬนี้ได้ ซึ่งมันคงไม่ทำอะไรคุณเพราะสิ่งที่มันหากินอยู่นั้นก็คือพังตอน ฉลามวาฬจะว่ายน้ำค่อยข้างช้าอยู่ใกล้ๆผิวน้ำ เพียงแค่คุณแค่สวมใส่สน๊อกเกิ้ลคุณก็สามมารมองเห็นมันได้ชัดเจนแล้ว

อุทยานราชภักดิ์ พระบรมราชานุสาวรีย์บูรพกษัตริย์ 7 พระองค์

ประเทศไทย มีอนุสาวรีย์พระมหากษัตริย์อยู่มากมายหลายแห่ง แต่ยังไม่มีที่ไหนที่สร้างไว้หลายพระองค์ในที่เดียว วันนี้ สิ่งนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว ณ พื้นที่ของกองทัพบก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  จะพาท่านไปรู้จักกับ อุทยานราชภักดิ์ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์ 7 พระองค์แห่งสยาม

อุทยานราชภักดิ์ พระบรมราชานุสาวรีย์บูรพกษัตริย์ 7 พระองค์

อุทยานราชภักดิ์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้กองทัพบกจัดสร้าง “พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม” พร้อมจัดสร้างอุทยานประวัติศาสตร์ โดยพระราชทานชื่อให้ว่า “อุทยานราชภักดิ์” ซึ่งเป็นอุทยานที่สร้างขึ้นด้วยความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และเพื่อเป็นการเทิดทูนและประกาศเกียรติคุณสมเด็จพระมหากษัตริย์แห่งสยาม 7 พระองค์ ได้แก่
1. พ่อขุนรามคำแหง (สมัยกรุงสุโขทัย)
2. สมเด็จพระนเรศวร (สมัยกรุงศรีอยุธยา)
3. สมเด็จพระนารายณ์ (สมัยกรุงศรีอยุธยา)
4. สมเด็จพระเจ้าตากสิน (สมัยกรุงธนบุรี)
5. พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
6. พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
7. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
ซึ่งทุกพระองค์ล้วนทรงสร้างคุณูปการที่ยิ่งใหญ่ต่อประเทศชาติ
พระบรมราชานุสาวรีย์บูรพกษัตริย์ 7 พระองค์

พระบรมราชานุสาวรีย์บูรพกษัตริย์ 7 พระองค์
กองทัพบก ได้ดำเนินการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ ภายในพื้นที่ของกองทัพบก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยใช้พื้นที่ก่อสร้างรวมทั้งสิ้น 222 ไร่เศษ ซึ่งองค์ประกอบภาพรวมของอุทยานราชภักดิ์ จะมีโครงสร้างหลักที่สำคัญ จำนวน 3 ส่วนหลัก ประกอบด้วย
ส่วนที่ 1 : พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์ แห่งสยาม จำนวน 7 พระองค์
ส่วนที่ 2 : ลานอเนกประสงค์ มีเนื้อที่ประมาณ 71 ไร่ ใช้สำหรับกระทำพิธีที่สำคัญของกองทัพ และรับรองบุคคลสำคัญจากต่างประเทศ
ส่วนที่ 3 : อาคารพิพิธภัณฑ์ หรือห้องจัดแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์ โดยการค้นคว้า รวบรวม และจัดทำพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจที่สำคัญของบูรพกษัตริย์ไทย ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ โดยจะดำเนินการจัดสร้างบริเวณด้านล่างของฐานพระบรมราชานุสาวรีย์
พื้นที่ส่วนที่เหลือจำนวน 126 ไร่ จะเป็นสภาพภูมิทัศน์โดยรอบ และการจัดสร้างระบบสาธารณูปโภคเพื่ออำนวยความสะดวก
พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์
พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์


พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์

เบลเยี่ยมวาฟเฟิล


กรอบนอก นุ่มใน สไตล์ เบลเยี่ยมวาฟเฟิล
         ช่วงนี้ไม่ว่าจะเข้าออกร้านเบเกอรี่ที่ไหน เป็นต้องเห็นขนม “วาฟเฟิล” ขึ้นแท่นเป็นเมนูขายดีแทบทุกร้าน H&C ฉบับนี้ไม่ยอมตกเทรนด์เช่นกัน หลังจากทดลองจนได้สูตรเด็ดของ “เบลเยี่ยมวาฟเฟิล”แล้ว ต้องรีบนำเสนอก่อนจะเอาท์เสียก่อน

         สำหรับวาฟเฟิลแบบเบลเยี่ยม สูตรนี้พิเศษที่ผิวนอกกรอบหอม แป้งในนุ่มหยุ่นคล้ายขนมปังเนยสด หอมหวานน้ำผึ้งกำลังดี รับรองว่า วาฟเฟิลสูตรนี้อร่อยไม่แพ้ร้านไหนๆ แน่นอน
 
ส่วนผสม (16 ที่) Belgium waffle เวลาเตรียม 60 นาที เวลาปรุง 30 นาที
  • แป้งสาลีสำหรับทำขนมปัง  1 ถ้วย
  • แป้งสาลีสำหรับทำเค้ก  1 1/2 ถ้วย
  • น้ำตาลทรายขาว   3 ช้อนโต๊ะ
  • ยีสต์ผง  1 ช้อนโต๊ะพูน
  • นมผง  2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือป่นเล็กน้อย    
  • ไข่ไก่  2 ฟอง
  • นมสดชนิดจืดอุ่น 2 ช้อนโต๊ะ
  • โยเกิร์ตรสธรรมชาติ  2 ช้อนโต๊ะ    
  • น้ำผึ้งอย่างดี  2 ช้อนโต๊ะ
  • กลิ่นวานิลา  1 ช้อนชา
  • เนยสดชนิดจืด   3/4 ถ้วย
  • น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี  2 ช้อนโต๊ะ
  • ช็อกโกแลตชิป   2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
  1. ใส่แป้งสาลีทั้งสองชนิด น้ำตาลทราย ยีสต์และนมผง ลงในอ่างผสม พักไว้
  2. ผสมเกลือป่น ไข่ไก่ นมสด โยเกิร์ต น้ำผึ้งและวานิลาให้เข้ากัน แล้วเทใส่ส่วนผสมแป้ง นวดให้เข้ากันนานประมาณ 5 นาที
  3. ใส่เนยแล้วนวดต่ออีกประมาณ 5นาที จนก้อนโดเหนียวนุ่ม จากนั้นพักโดไว้ให้ขึ้นเป็นสองเท่านาน 20 นาที
  4. นำโดที่พักได้ที่แล้ว มานวดไล่อากาศและเติมน้ำตาลทรายไม่ฟอกสีและช็อกโกแลตชิป นวดให้เข้ากัน แล้วแบ่งโดเป็นก้อนๆละ 40 กรัม ปั้นเป็นก้อนกลมพักไว้ให้ขึ้นอีก 30 นาที
  5. เปิดเครื่องทำวาฟเฟิลไว้ให้ร้อน ทาเนยบางๆ วางก้อนโดที่ขึ้นดีแล้วลงตรงกลาง ปิดฝา อบประมาณ 1–2 นาที (แล้วแต่รุ่นและความร้อนของเครื่องทำวาฟเฟิล) เสิร์ฟร้อนๆกับผลไม้และวานิลาซอส
ส่วนผสมวานิลาซอส
  • ไข่แดง  2 ฟอง
  • นมสดชนิดจืด  1 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย  3 ช้อนโต๊ะ
  • เนยสดชนิดจืด  1 ช้อนโต๊ะ
  • กลิ่นวานิลา  2 ช้อนชา
วิธีทำ

   ใส่ส่วนผสมทุกอย่างลงในหม้อ ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากันดี นำไปตั้งไฟอ่อนๆ หมั่นคนจนกระทั่งซอสเดือดและข้นขึ้น ปิดไฟและพักไว้ให้เย็น


เยือนบรัสเซล

เบลเยียม สวรรค์แห่งช็อกโกแลต ตอนที่1 เยือนกรุงบรัสเซล แดนสวรรค์ของผู้หลงใหลช็อกโกแลต ไม่ว่าจะเดินไปไหนต้องเจอะกับช็อกโกแลตหน้าตาชวนน้ำลายย้อย
เบลเยียม สวรรค์แห่งช็อกโกแลต เยือน บรัสเซล
เบลเยียม สวรรค์แห่งช็อกโกแลต ตอนที่ 1 เยือน บรัสเซล
หากเอ่ยถึงประเทศเบลเยียม คงเป็นแดนสวรรค์แห่งผู้ที่หลงใหลช็อกโกแลตเป็นอย่างมาก เพราะทั้งประเทศไม่ว่าจะเดินไปตามตรอกซอกซอยไหน เป็นอันต้องเจอะกับร้านขายช็อกโกแลตที่หน้าตาสวยงามชวนน้ำลายย้อย เนื่องจากประเทศเบลเยียมนั้นเลื่องชื่อในด้านของการผลิตช็อกโกแลตรสเลิศ แถมรูปลักษณ์นั้นสุดแสนจะน่าหม่ำ
เบลเยียม สวรรค์แห่งช็อกโกแลต ตอนที่ 1 เยือน บรัสเซล
ประเทศเบลเยียม หรือ ราชอาณาจักรเบลเยียม ตั้งอยู่ในทวีปยุโรปตะวันตกเฉียงเหนือ มีกรุงบรัสเซลส์เป็นเมืองหลวง เบลเยียมมีอาณาเขตติดกับประเทศ เนเธอร์แลนด์ เยอรมันนี ลักเซมเบิร์ก และฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางด้านภาษาเป็นอย่างมาก ประชากรส่วนใหญ่พูดภาษาดัตช์ ฝรั่งเศส และเยอรมัน ซึ่งจะมีการแบ่งเขตของการใช้ภาษาอย่างชัดเจนเช่น ภาษาดัตช์จะใช้กันทั่วไปทางตอนเหนือ ภาษาฝรั่งเศสจะใช้กันทางตอนใต้ และภาษาเยอรมันใช้กันทางตะวันออก
เบลเยียม สวรรค์แห่งช็อกโกแลต ตอนที่ 1 เยือน บรัสเซล
ส่วนภาษาที่ใช้อย่างเป็นทางการนั้นใช้ได้ทั้งสองภาษา คือ ดัตช์ และฝรั่งเศส สถานที่ท่องเที่ยวในเบลเยียมนั้นมีมากมาย อีกทั้งยังเป็นแดนแห่งศิลปินที่มีศิลปะและสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่น่าสนใจไม่ น้อยหน้าชาติใดในยุโรปอีกด้วย
เบลเยียม สวรรค์แห่งช็อกโกแลต ตอนที่ 1 เยือน บรัสเซล
Brussels หรือ Bruxelle (กรุงบรัสเซล) เป็นเมืองหลวงของประเทศเบลเยียมที่มีขนาดไม่ใหญ่โตอะไรมากมาย แต่เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,000 ปี อีกทั้งเป็นที่ตั้งของสถานที่ราชการที่มีความสำคัญของสหภาพยุโรป อย่างเช่น สำนักงานใหญ่ของสหภาพยุโรป (EU) และองค์การ Nato ซึ่งในแต่ละปี มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกหลั่งใหลไปเยือนเมืองหลวงแห่งนี้เป็นจำนวนมาก
เบลเยียม สวรรค์แห่งช็อกโกแลต ตอนที่ 1 เยือน บรัสเซล
อาคารบ้านเรือนดูสวยเรียบร้อยเป็นระเบียบ เหมือนมีการจัดการวางแผนไว้ก่อนการปลูกสร้าง ศูนย์กลางของเมืองที่มีความคึกคักเห็นจะอยู่ที่ จัตุรัสกรองค์ปลาซ
Grand Palace หรือ Grong Plas (แกรนด์ พาเลส หรือ ออกสำเนียงตามชาวเบลเยียมว่า “กรองค์ปลาซ”) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของกรุงบรัสเซล ที่เหล่าบรรดานักท่องเที่ยวต้องมาเยือน
เบลเยียม สวรรค์แห่งช็อกโกแลต ตอนที่ 1 เยือน บรัสเซล

เสเน่ห์ของจัตุรัสแห่งนี้ อยู่ที่ตึกโบราณสไตล์ผสมระหว่างบาร็อกกอธิค และนิโอกอธิค โอบกอดลานกว้างแห่งนี้ไว้ทั้งสี่ด้าน ความงามของสถาปัตยกรรมโบราณ ที่มีความวิจิตรอ่อนช้อยในทุกรายละเอียด ทำให้ทึ่งจนเกือบหยุดหายใจ พลันคิดไปว่า โอ้แม่เจ้า… สถาปนิกในสมัยโบราณนี่ช่างเป็นอัจฉริยะบุคคล ควรค่าแก่การยกย่องจริงๆ แล้วศรรักก็ปักทะลุกลางอกในทันที
เบลเยียม สวรรค์แห่งช็อกโกแลต ตอนที่ 1 เยือน บรัสเซล
เค้าว่ากันว่า หากมา กรุงบรัสเซล แล้วสิ่งที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง ก็คือ ไปดูเด็กยืนฉี่ ไอ้เราก็เอ๊ะ…เด็กจะฉี่ก็ช่างเด็ก ทำไมต้องไปดูด้วย แต่…เอาก็เอา มาแล้วนี่ เดี๋ยวจะตอบเค้าไม่ถูกว่าฉี่ท่าไหน เลยเดินไปดูกับเค้าบ้าง อืม…น้ำพุนี่นา
เบลเยียม สวรรค์แห่งช็อกโกแลต ตอนที่ 1 เยือน บรัสเซล
Manneken Pis (แมนเนคิน พิส) คือ น้ำพุเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ตรงหัวมุมตึกร้านขายช็อกโกแลต มีรูปปั้นทองแดงของเด็กผู้ชายกำลังยืนฉี่ พ่นเป็นสายน้ำพุออกมา หน้าตาสบายอกสบายใจ ตำนานมีอยู่ว่า เมื่อครั้งที่กรุงบรัสเซลยังตกอยู่ในการทำสงคราม และถูกฝ่ายตรงข้ามแอบนำระเบิดมาวางไว้ที่กำแพงเมือง เพื่อการโจมตี แต่มีเด็กน้อยนามว่า จูเลียนสกี (Julianske) ไปพบสายชนวนระเบิดที่กำลังติดไฟ จึงปัสสาวะรดซะเลย ทำให้สามารถป้องกันเมืองบรัสเซลทั้งเมืองไว้ได้ ชาวเมืองจึงแกะสลักรูปปั้นไว้ เพื่อเป็นตัวแทนในการยกย่องและระลึกถึงความกล้าหาญ
เบลเยียม สวรรค์แห่งช็อกโกแลต ตอนที่ 1 เยือน บรัสเซล
ประติมากรรมชิ้นแรกเริ่มนั้น แกะสลักจากหิน ในศตวรรษที่ 14 แต่ได้ถูกขโมยไปหลายครั้ง จึงทำการสร้างใหม่ ในปัจจุบันหล่อโดยช่างหล่อชาวฝรั่งเศส นามว่า เจอโรม ดูเกสนอย และ นำมาติดตั้งประมาณปี ค.ศ.1618 ที่นี่จึงเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญแห่งหนึ่ง ของประเทศเบลเยียมเลยทีเดียว อืม…แปลกดีแฮะ แต่ก็น่ารักดี
ยืนดูเจ้าหนูน้อยจูเลียนสกีจนหนำใจแล้วต้องรีบเคลื่อนทับก่อนที่จะเริ่ม รู้สึกปวดตาม มุ่งหน้าสู่อีกสถานที่หนึ่งที่เปรียบเสมือนเป็นแลนมาร์กของกรุงบรัสเซล
เบลเยียม สวรรค์แห่งช็อกโกแลต ตอนที่ 1 เยือน บรัสเซล

Atomium (อะโตเมียม) สถาปัตยกรรมลูกเหล็กทรงกลม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์รูปโครงสร้างอะตอมที่ขยายขนาดใหญ่หลายล้านเท่า ที่ถูกสร้างขึ้นเป็นหอแสดงนิทรรศการงาน Expo ในปีค.ศ. 1958 มีความสูงราว 108 เมตร ประกอบด้วยลูกบอลเหล็ก 9 ลูก น้ำหนัก 2,400 ตัน โดยเชื่อมต่อลูกเหล็กแต่ละลูกด้วยท่อเหล็กขนาดใหญ่ ลูกบอลแต่ละลูกมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 18 เมตร ภายในทางเดินเป็นบันไดเลื่อนที่มีความทันสมัย มีจุดชมวิว ห้องอาหาร และห้องแสดงงานศิลปะหมุนเวียน
เบลเยียม สวรรค์แห่งช็อกโกแลต ตอนที่ 1 เยือน บรัสเซล
อะโตเมียม เป็นสัญลักษณ์ที่มีความหมายในเชิงคุณค่าของการก้าวกระโดด สู่ยุคเทคโนโลยีใหม่หลังสงครามโลกของประเทศเบลเยียม รัฐบาลได้บูรณะใหม่ทั้งภายนอก และภายในเมื่อปีค.ศ. 2003 นี่เอง และได้มีงานฉลองอายุครบ 50 ปี ไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
หลังจากตะลอนทัวร์จนฉ่ำปอดที่ กรุงบรัสเซล ขอพักเอาแรงสักงีบก่อนเดินทางต่อ เมืองบรูจจ์ จะสวยงามแค่ไหน แล้วเราจะตกหลุมรักอีกหรือไม่ ต้องตามต่อกันในตอนที่สอง…
เบลเยียม สวรรค์แห่งช็อกโกแลต ตอนที่ 1 เยือน บรัสเซล

Le Pre Grille จานเด็ดดั้งเดิมของฝรั่งเศส


Le Pre Grille จานเด็ดดั้งเดิมของฝรั่งเศส
        นับวันจะหาอาหารฝรั่งเศสแบบดั้งเดิมกินได้ยากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเชฟรุ่นใหม่ที่ร่ำเรียนจากโรงเรียนการครัวรุ่นใหม่ ต่างพากันให้ความสำคัญอาหารแนวใหม่ ที่เน้นในเรื่องของรูปแบบที่แปลกใหม่ โดยใช้วัตถุดิบจากตะวันออกไกลบ้าง แนวทางของอาหารญี่ปุ่นบ้าง หรืออาหารในแบบแหวกแนวที่เรียกกันว่า “ฟิวชั่น” บ้าง มาใช้ในรูปแบบอาหารของตนเป็นส่วนใหญ่
       แม้กระทั่งในปารีสเอง จะหาอาหารแบบดั้งเดิมก็ยากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน แถมคนรุ่นใหม่ไม่ให้ความสนใจเพราะเห็นเป็นของพื้นๆ บ้าง ไม่โก้เก๋สวยงาม เหมือนอาหารแนวใหม่
       Jai Lafon หนุ่มเลือดไทยที่ไปเติบโตในฝรั่งเศส และมีโอกาสได้ฝึกปรืออาหารพื้นบ้านจานเด็ดของฝรั่งเศสนานนับสิบปี จากอาชีพสูทกร ได้รับความรู้ในการปรุงอาหารจานดั้งเดิมของแคว้นต่างๆ ซึ่งเป็นที่นิยมทั้งในหมู่ชาวฝรั่งเศสเองและชาวตะวันตก อันเป็นอาหารจานขึ้นชื่อ ไม่ว่าจะเป็นของเบอร์กันดี โพวองซ์ และอาหารจานอร่อยๆ จากเมืองบอร์โดซ์และตูลูส ที่ล้วนแล้วแต่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร เมื่อเชฟ Jai กลับสู่มาตุภูมิก็ได้นำความรู้และประสบการณ์ติดตัวกลับมา เปิดเป็นร้านอาหารฝรั่งเศสแนวดั้งเดิมที่กรุงเทพฯ โดยใช้ชื่อเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า Le Pre Grille
       รายการอาหารของที่นี่ เมื่ออ่านดูแล้วก็น่าดีใจไม่น้อย ที่ได้เห็นรายชื่ออาหารที่ขึ้นชื่อของที่ต่างๆ ในฝรั่งเศส ซึ่งปกติจะหาได้ไม่ง่ายนัก แม้จะเป็นร้านในปารีสก็ตาม อย่างเช่น
       Terrine de Foie Gras เป็นอาหารจานเรียกน้ำย่อยที่โก้เก๋มากในอดีต โดยใช้ตับมันของเป็ดขุนยกยวงซึ่งเป็นผลผลิตของชาวเมืองตูลูส มาหมักด้วยเหล้าที่ให้กลิ่นหอมและดับคาว ปรุงด้วยกรรมวิธีแบบโบราณ แล้วนำไปอัดใส่พิมพ์ ตุ๋นด้วยไฟรุมๆ จนตับค่อยๆ สุกเป็นสีเนื้ออมชมพู เก็บไว้กินได้นานๆ เวลาจะกินต้องฝานเป็นชิ้นย่อมๆ โดยปาดกินกับขนมปังเมลบาโทสต์ เคียงด้วยผลไม้กวนรสหวานอมเปรี้ยว เรียกน้ำย่อยได้ดีเยี่ยม

Le Pre Grille จานเด็ดดั้งเดิมของฝรั่งเศส
        Les Escarcots de Bourgogne หอยทากจากฝรั่งเศส อาหารจานขึ้นชื่อจากแคว้นเบอร์กันดี โดยนำเอาเนื้อหอยทากออกจากเปลือก มาทำความสะอาดจนหมดจด คลุกกับเนยสด กระเทียม ผักชี สับละเอียดและพริกไทยแล้วนำกลับไปบรรจุในเปลือก อบจนสุกได้ที่หอมคลุ้ง ให้รสชาติออกเค็มนิดๆ ช่วยขับรสชาติของเนื้อหอยที่เด้ง นุ่ม กินเพลินๆ กับBaquette ขนมปังฝรั่งเศสแท่งยาวเปลือกหนาได้จนหมดจาน
       Les Cuisses de Grenouille a La Provencale ขากบอวบเนื้อแน่น ทอดด้วยน้ำมันมะกอกพอสุกเหลืองหอม ราดด้วยกระเทียมและผักชีสับละเอียดที่ผัดด้วยน้ำมันมะกอก ใส่ไวน์ขาวที่ให้ทั้งความหอมและช่วยชูรสให้เนื้อน่องกบหวานยิ่งขึ้น เคียงด้วยสลัดผักโขมราดด้วยเดรซซิ่งรสจัดแบบฝรั่งเศส เป็นอาหารจานเด็ดของโพรวองซ์ที่ชวนกินไม่น้อย
       La Bouillabaisse ซุปค่อนข้างข้นที่อุดมไปด้วยสัตว์สดๆจากทะเล ทั้งกุ้ง หอยเชลล์ หอยแมลงภู่ ปลาหมึก และปลาโอ หั่นเป็นชิ้นๆพอคำ เริ่มจากการปรุงด้วยความละเมียดละไม ใช้ทั้งหอมหัวใหญ่ มะเขือเทศสุกงอม มันฝรั่ง เฟนแนล และสมุนไพรสดต่างๆ มาเคี่ยวต้มจนได้น้ำซุปรสหวานหอม จากนั้นนำมาต้มพร้อมกับปลาสดและแซฟฟรอน ผสมเนื้อมันฝรั่งบดลงไปด้วยกัน จนได้น้ำซุปที่ทั้งข้นทั้งหอม ให้ความหวานตามธรรมชาติจากเครื่องปรุง เป็นจานพิเศษที่ปกติจะหากินได้ในแคว้นโพรวองซ์โดยเฉพาะที่เมืองมาร์คเชยย์ อันเป็นเมืองต้นตำรับ

Le Pre Grille จานเด็ดดั้งเดิมของฝรั่งเศส
        Le Confit de Cuisse de Canard อาหารจานขึ้นชื่อของภาคตะวันตกเฉียงใต้ละแวกตูลูสขึ้นไปจนถึงบอร์กโดซ์ ใช้ชิ้นสะโพกเป็ดทั้งหนังมาหมักเกลือเม็ดข้ามคืน จนความเค็มซึมเข้าถึงเนื้อใน เมื่อจะปรุงก็นำมาล้างเกลือลอกขนหมดจด นำไปทอดในน้ำมันจนสุกเหลืองทั้งชิ้น ให้หนังกรอบหอม เนื้อในยุ่ยนุ่ม ได้รสชาติของเกลือที่ค้างอยู่ พอได้รสเค็มเล็กน้อย วางมาบนมันฝรั่งสุกที่ใช้มันฝรั่งต้มแล้วนำเนื้อไปผัดกับน้ำมันจนได้ความหอม ปรุงรสเล็กน้อยแล้วนำไปใส่พิมพ์ อบอีกครั้งจนร้อนได้ที่ วางชิ้นสะโพกเป็ดทอดทับหน้าเป็นเสร็จ อาหารจานนี้หากินอร่อยๆ แบบนี้ได้ไม่ง่ายนัก
       Le Tournedos Rossini สเต็กเนื้อสันในง่ายๆ แต่ต้องใช้เครื่องปรุงและวัตถุดิบที่ดีเยี่ยม ประกอบกับฝีมือในการปรุงและเวลาที่พอดิบพอดี จึงจะได้สเต็กจานอร่อยสุดยอด เลือกใช้เนื้อสันในโคขุนพันธุ์ Angusจากออสเตรเลีย มาทอดด้วยเนยชั้นเยี่ยม เวลาพอเหมาะพอดีทั้งสองด้าน ระหว่างนั้นนำ ตับมันของเป็ดขุนที่หั่นเป็นชิ้นและแช่ในเหล้า Madereoe นำมาซับแตะแป้งเบาๆ แล้วทอดพอสุกข้างนอกเหลือง วางบนชิ้นเนื้อ ราดด้วยน้ำเกรวี่สูตรของร้าน ได้ความอร่อยจากเนื้อที่สุกกำลังพอเหมาะหวานนุ่มเคี้ยวง่าย เสริมรสชาติด้วยตับมันที่หอมมัน เป็นอาหารจานพิเศษที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบทั้งเนื้อสันในและตับมัน
       L’ile Flottant ของหวานโบราณที่ใช้ไข่ขาวมาตีกับน้ำตาลจนขึ้นเป็นโฟมฟูเบาบางแต่เนื้อแน่นเป็นก้อน นำมาลอยในครีมวานิลลา ที่ทั้งหอมและหวานมัน เป็นของหวานที่ให้ทั้งความอร่อยและไม่หนักท้อง
       Crepe Suzette ของหวานขึ้นชื่ออีกอย่างของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นที่นิยมไปทั่วโลก ด้วยการทำแป้งอย่างบาง ราดด้วยน้ำซอสทำจากน้ำส้มสดคั้นเคี่ยวจนข้นพร้อมกับเนยและน้ำตาลจนงวดข้น เพิ่มกลิ่นหอมด้วยเหล้า Grand Manier แล้วจุดไฟจนเปลวลุกโพลง ราดลงบนแผ่นขนมจนชุ่มฉ่ำจะได้กลิ่นไหม้เล็กน้อย วางลอยหน้ามาด้วยไอศกรีมวานิลลา ได้ความอร่อยจากรสอมหวานอมเปรี้ยว ทั้งหอมทั้งมัน ชวนกินไม่รู้เบื่อ