วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2558

เรียนฝรั่งเศสอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ

เรียนฝรั่งเศสอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ


เรียนฝรั่งเศสอย่างไรให้สำเร็จเด็กมัธยมปลายจำนวนไม่น้อย ที่เลือกเรียนสายศิลป์ฝรั่งเศส (รวมถึงสายศิลป์ภาษาอื่นๆด้วย) มักเป็นเด็กไม่เก่ง คะแนนไม่ถึง ไม่ชอบเลข (แต่ก็ใช่ว่าจะชอบภาษาอังกฤษ!) ก็เลยมาลงเรียนไปงั้นๆ หรือที่ชาวบ้านเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ไม่มีที่ไปแล้วครับพี่น้อง!!”  ครูขอเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “ค่านิยมทางความคิดของสังคมไทย”  ต่อไปนี้เราคงจะต้องเปลี่ยนความคิดซะใหม่แล้วนะ “เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน!!” การเรียนภาษาใด ภาษาหนึ่งโดยเฉพาะ ภาษาฝรั่งเศส ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนการท่องสูตร ตีโจทย์แตก และนำไปประยุกษ์ใช้ หากแต่การ เรียนภาษาฝรั่งเศสที่ดีนั้น นอกจากจะเรียนตัวภาษาแล้ว ยังจะต้องเรียนรู้สังคม วัฒนธรรม และความคิดของคนฝรั่งเศสอีกด้วย การเรียนภาษา จึงไม่ใช่เป็นเพียงแค่ “การเรียน” แต่คือ “การเรียนรู้”  ดังนั้น การเรียนฝรั่งเศสจึงเปรียบเสมือนการเปิดโลกทัศน์ทางความคิด เปิดใจผู้เรียนให้เข้าไปเรียนรู้สังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา อีกทั้งยังสอนให้เรารู้จัก การเปิดใจยอมรับสิ่งที่แตกต่างอีกด้วย เมื่อเราเรียนรู้ภาษา สังคม และวัฒนธรรมฝรั่งเศสแล้วรู้ไหมว่าอะไรจะตามมา….ความรัก ความหลงไหลในสังคมและวันธรรมนั่นเอง สิ่งเหล่านี้จะเป็นแรงผลักดัน ให้เราเรียนได้อย่างมีความสุข เพราะฉะนั้น สิ่งแรกเลยที่ผู้เรียนภาษาจะต้องมี อย่างขาดไม่ได้ก็คือ “ความรัก” รักในภาษาฝรั่งเศส ภาษาที่เค้าว่ากันว่าเป็น “ภาษาที่เพราะที่สุดในโลก ^ ^ ”

รูปนักเรียนของคอร์ส ม.4 ม.5 และน้องๆม.6 ที่กำลังเตรียมสอบ PAT เพื่อเข้ามหาวิทยาลัยอีกหนึ่งความคิดที่พบเห็นบ่อย ในสังคมคือ “คนเรียนภาษาต้องเก่ง” ครูขอค้านความคิดนี้อย่างสิ้นเชิง และขอแทนที่ด้วยประโยคที่ว่า “คนเรียนภาษาต้องขยัน” ถูกต้องแล้ว อ่านไม่ผิดหรอก คนเรียนฝรั่งเศส สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ต้องมีคือ “ความขยัน” ไม่ใช่เพียงแต่ขยันทบทวน ในสิ่งที่เรียนมา แต่ต้องขยันที่จะค้นขว้าหาความรู้ใหม่ๆอยู่เสมอ เพราะการเรียนภาษา คือการเรียนรู้ที่ไม่มีจุดสิ้นสุด เนื่องจากภาษา เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา วันนี้พูดอย่างหนึ่ง อีกวัน ก็มีคำใหม่เพิ่มขึ้นอีกละ ดังนั้นอาศัยแค่ในตำราเรียน คงไม่เพียงพอ ดังเช่นคำของ ศ. ดร.สดชื่น ชัยประสาสน์ (อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญทางวรรณคดีฝรั่งเศส) ได้กล่าวไว้ว่า “สามวันจากภาษาฝรั่งเศสเป็นอื่น” ครูเห็นด้วยอย่างยิ่ง และไม่ใช่เพียงแต่ ภาษาฝรั่งเศสเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการเรียนรู้ในทุกภาษา เพราะภาษาก็เปรียบเสมือนมีด “ถ้าไม่รับมีดบ่อยๆก็ทื่อ ก็ขึ้นสนิม” จริงไหม

สิ่งสุดท้ายท้ายสุด ขาดไม่ได้เลยก็คือ “ความกล้าแสดงออก” เราเคยสังเกตกันไหมว่า ทำไม๊ ทำไม คนไทยเรียนภาษาอังกฤษกันตั้งแต่ประถม จบมัธยม ต่อมหาวิทยาลัย บางคนถึงพูดภาษาอังกฤษไม่ได้สัก…ที สิ่งที่พวกเขาขาดคือ “ความกล้าแสดงออก” นั่นเอง ซึ่งจะต่างจากแม่ค้า แถบสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น ที่ท่าเรือท่าช้าง ทราบกันไหมว่าแม่ค้าแถบนั้นพูดได้หลายภาษามาก ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส จีน ญี่ปุ่น เกาหลีและอีกมากมาย ทำไมหละ ทำไมพวกเขาถึงสื่อสารภาษาเหล่านี้ได้ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไปเรียนมานะ แต่เพราะพวกเขากล้าที่จะพูด พูดเพื่ออาชีพ เพื่อความอยู่รอดของพวกเขาเอง เพราะฉะนั้น สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยจริงๆและสำคัญมาก ในการใช้ภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะภาษาฝรั่งเศสก็คือ ความกล้าที่จะพูด  “อย่ากลัวที่จะพูดผิด อย่าอายว่าสำเนียงไม่ได้เรื่อง” แต่จงกล้าที่จะใช้ภาษาฝรั่งเศส จงอย่าลืมว่าหน้าที่ของ “ภาษา” คือ เป็นเครื่องมือสื่อสารของคนในสังคม ดังนั้นเราต้องกล้าที่จะใช้มัน อย่าเป็นคนที่เก่งแต่ในตำรา ที่ทฤษฎีจ๋า แต่พอไปเจอชาวฝรั่งเศสตัวเป็นๆแล้วสื่อสารกันไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นเราจะเรียนไปทำแมวอะไร จริงไหม
 
 

รู้ภาษาฝรั่งเศสไปจะไปทำงานอะไร


คำถามนี้ครูหญิงพบเจอบ่อยมากจริงๆ ครูต้องขอทำความเข้าใจกับนักเรียนนิดนึงก่อนนะคะ เนื่องจากการเรียนภาษาที่ 3 โดยทั่วไปไม่ใช่การเรียนเพื่ออาชีพ แต่เป็นการเรียนเพื่อความสามารถพิเศษเพิ่มเติมจากสิ่งที่มีอยู่ค่ะ ดังนั้นการเรียนฝรั่งเศสจึงสามารถไปทำงานอะไรก็ตาม ที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสในการสื่อสาร ซึ่งมีมากมายเหลือเกินในประเทศไทย ไม่อยากจะบอกเลยยว่าเงินเดือนดีมว๊ากกกด้วยนะคะ
ยกตัวอย่างเช่น
  1. นักการฑูตทำงานในสถาณฑูต หรือในกระทรวงต่างประเทศ หรืองานด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
  2. ล่าม อันนี้ไม่ต้องห่วงรับรองว่ารายได้นับเป็นรายชั่วโมงกันเลยทีเดียว
  3. นักแปล สำหรับอาชีพนี้หากไม่ชอบนั่งชิลๆอยู่กับบ้าน หรือว่าไม่ชอบโดนกดดันจาก บก. หนังสือให้รีบส่งต้นฉบับ อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับบางคน
  4. มัคคุเทศน์ (ไกด์) งานนี้กรี๊ดกันให้เต็มที่กับการเที่ยวไปพูดไป บางคนนี่ได้เที่ยวทั้งปี แต่บางทีคุณพ่อ คุณแม่อาจจะแอบห่วงได้ เพราะต้องไปค้างที่อื่น
  5. ดีไซน์เนอร์ เกี่ยวกับแฟชั่น ไม่มีนิยาม และไม่ต้องพูดถึง เงินดีสุดๆ (แต่หนูก็ต้องดีไซน์อะไรได้บ้างนะจ๊ะ ไม่ใช่พูดได้แต่ดีไซน์ไม่สวย งานนี้ก็ เอ่อ.... ช่วยไม่ได้นะ)
  6. เชฟ ทำอาหารหรือของหวาน (ตามโรงแรมและร้านอาหารดังๆ) ก่อนที่จะสมัครเป็นเชฟยังไงก็เอาอาหารมาทำครูชิมก่อนนะ จะได้รู้ว่าผ่านไม่ผ่าน วะฮ่าๆ
  7. ผู้พิพากษา อัยการ ทนาย ที่ปรึกษาทางกฎหมาย (ทางสถาณฑูตฝรั่งเศสมีให้ทุนทางด้านนี้)
  8. พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินและภาคพื้นดิน (แอร์โฮสเตสและแอร์กราวนด์นั่นเอง ทางตะวันออกกลางเค้ากำลังต้องการคนค่ะ)
  9. ครูตามโรงเรียนและอาจารย์ตามมหาวิทยาลัย (ตอนนี้กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมาก)
  10. ติวเตอร์สอนภาษาฝรั่งเศส (เงินดี งานอิสระ)
  11. องค์กรนานาชาติ เช่น EU, UN, UNESSCO, OIC, ECHO,etc.
  12. องค์กรฝรั่งเศส เช่นสถาณฑูตฝรั่งเศส(มีประกาศรับพนักงานเรื่อยๆ) โรงเรียนนานาชาติฝรั่งเศส(เงินดีมากจริงๆ) สมาคมฝรั่งเศส(ทั้ง 4 สาขาทั่วประเทศไทย) สมาคมหอการค้าไทย-ฝรั่งเศส ฯลฯ
  13. บริษัทฝรั่งเศสเช่น Air France, Michelin, L’Oréal, Le Petit Journal, Carnet d’Asie,DEXTRA, EXXON,etc.
  14. บริษัททัวร์ มีทั้ง inbound และ outbound(บริษัททัวร์พวกนี้มีเยอะมากค่ะ และเค้าต้องการคนพูดภาษาฝรั่งเศสมากด้วยเพราะลูกค้าชาวฝรั่งเศสมักไม่ยอมใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารค่ะ)
  15. นักวิชาการทางประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ศิลปะ โบราณคดี (มีบทบาทและได้รับความนับถือมากในต่างประเทศนะคะ)
  16. ด้านการโรงแรม (พนักงานต้อนรับ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ฝ่ายบุคคลฯลฯ)
  17. เปิดบ้านรับนักท่องเที่ยว เดี๋ยวนี้มีคนทำแบบนี้มากขึ้นคือ ให้ที่พักและจัดทริปพาชาวฝรั่งเศสเที่ยวเอง คิดเป็นรายหัว (เงินดีและได้ฝึกภาษา แถมได้มิตรภาพเป็นของแถมด้วยนะคะ)
ข้อแนะนำ การเรียนภาษาฝรั่งเศสเพื่อการงานที่ดีและเงินดีนั้นจะต้องจริงจัง และควรสอบวัดระดับ DELF ประมาณระดับ B1 ขึ้นไป อาจจะไม่ต้องเก่งมากก็ได้ค่ะ แต่ต้องเป็นผู้มีความรับผิดชอบ สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ และมีการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถนำความรู้ภาษาฝรั่งเศสที่เรียนมาประกอบอาชีพที่ดี เงินเดือนดี สวัสดิการดี บริษัทมั่นคงได้อย่างสบายเลยค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น