ผมได้เขียนเกี่ยวกับคำที่ไม่อยากพูดคือคำว่า “เสียดาย” ซึ่งหมายถึงการพลาดโอกาสทองของชีวิต และยิ่งเสียดายมากขึ้นเมื่อเห็นผู้อื่นรับโอกาสนั้นไป ผมขอถือโอกาสนี้ให้กำลังใจผู้อ่าน ถึงแม้ว่าเราจะได้สูญเสียโอกาสไปแล้ว อย่านั่งจับเจ่าเศร้าเสียใจจงมุ่งสร้างโอกาสใหม่ให้กับตัวเรา เพราะตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ เรายังมีอีกหลายโอกาสที่คอยเราอยู่ การกระทำเช่นนี้จะไม่ทำให้ต้องพูดคำว่าเสียดายชีวิต ช่วงหายใจครั้งสุดท้าย
คำที่ทุกคนควรพูดอย่างยิ่งคือคำว่า “สำเร็จแล้ว” ทั้งองค์พระเยซูคริสต์และสาวกของพระองค์พูดคำว่า “สำเร็จแล้ว” เมื่อเดินมาถึงสุดปลายชีวิตอาจารย์เปาโลพูดถึงตนเองขณะที่เดินทางถึงสุดท้ายของชีวิตว่า “...และถึงเวลาที่ข้าพเจ้าจะจากไป ข้าพเจ้าได้ต่อสู้อย่างเข้มแข็ง ข้าพเจ้าได้วิ่งแข่งจนถึงเส้นชัย ข้าพเจ้าได้รักษาความเชื่อไว้แล้ว” “เมื่อทรงรับน้ำนั้นแล้วพระเยซูก็ตรัสว่า “สำเร็จแล้ว”
เป็นที่น่าเสียดายที่มีคนเป็นจำนวนไม่มากตระหนักในความจริงข้อนี้ ส่วนใหญ่เราจะปล่อยให้ชีวิตเป็นเหมือนลูกมะพร้าวที่ลอยไปตามน้ำแล้วแต่กระแสจะพัดพาไปไหน
เราจะต้องค้นหาตนเองให้พบว่ามีความฝัน มีเป้าหมายในชีวิตในเรื่องอะไร ถ้าเราไม่สนใจ ไม่มีจุดรวมความสนใจมุ่งไปในทางใด เราก็จะไหลไปตามคำชักชวนและอิทธิพลรอบข้าง เฉพาะอย่างยิ่งเด็กวัยรุ่นที่มีแนวโน้มพฤติกรรมลอกเลียนแบบ เขาไม่อาจพบตัวตนที่แท้จริงเขาจึงไม่จุใจกับชีวิต นักศึกษาหลายคนตัดสินใจเลือกเรียนสาขาวิชาไม่ใช่ตามความถนัด ไม่ใช่วิชาที่ตรงกับใจ แต่เลือกเรียนสาขานี้เพียงเพราะอยากตามเพื่อน
ก่อนที่คนนั้นจะพูดคำว่า “สำเร็จแล้ว” ได้ เขาจะต้องรู้ว่าความสำเร็จที่เขาต้องการคืออะไร มีคนไม่น้อยที่ดูเหมือนว่ามีความเก่งครอบจักรวาลแต่เป็นคนจับจดไม่เคยจะทำอะไรจริงจังสักเรื่องเดียว แต่ละอย่างที่ทำจะละไว้ครึ่งๆ กลางๆ
แต่ดูเหมือนว่าคนมากมายตีกรอบความสำเร็จในเชิงรูปธรรม เชิงธุรกิจ คือเห็นผลกำไรที่ลงทุนไปคุ้มค่าและสามารถวัดปริมาณได้ เราคงไม่ปฏิเสธว่านั่นอาจเป็นรูปหนึ่งของความสำเร็จ แต่ความสำเร็จไม่จำเป็นต้องเป็นรูปนั้นเสมอไป
ผมได้ยกความสำเร็จของพระเยซูคริสต์และอัครทูตเปาโลผู้ประกาศว่าตนเองทำสำเร็จแล้วมาเป็นแบบอย่าง ความสำเร็จบางคนอาจเป็นนักวิชาการ นักแต่งเพลง นักวิจัย นักบุญ นักวิทยาศาสตร์ ฯลฯ บุคคลเหล่านี้ภูมิใจในความสำเร็จที่ได้ทำในสิ่งที่ตนรักแม้ว่าเขาอาจเป็นบุคคลอยู่เบื้องหลังที่ไม่ค่อยจะมีคนรู้จัก มันเป็นความสำเร็จที่ช่วยและนำประโยชน์มาสู่มวลชน
ผมประทับใจชายคนหนึ่งที่สื่อมวลชนนำมาเผยแพร่ เขาใช้เวลานับเป็นสิบไปปลูกต้นไม้ หลายคนคิดว่าเขาเสียสติ แต่เขารู้ว่าเขาทำอะไร และเขาภูมิใจที่ได้ทำในสิ่งที่เข้ารู้สึกว่ามีคุณค่าต่อสังคม เมื่อเขามองดูต้นไม้ที่เขาปลูกขณะนี้เติบโตเป็นร่มให้คนนั่ง ให้ความสุขชุ่มชื่นช่วยให้ฝนตก ผู้นี้สามารถพูดได้เต็มปากในปลายชีวิตว่า “สำเร็จแล้ว”
คุณผู้อ่านคุณกำลังทำอะไร ถนนสายนี้ที่เดินอยู่จะช่วยให้สามารถพูดได้ในวาระสุดท้ายว่า “สำเร็จแล้ว” หรือไม่ ขอคิดดู
วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2559
กาฝากชีวิต
ที่บ้านผมมีต้นไม้ต้นหนึ่งที่ผมรักมาก แต่ต้นไม้ต้นนี้มักเจอกับศัตรูคุกคามอยู่บ่อยครั้ง ศัตรูที่ผมพูดนี้ไม่ใช่หนอนหรือแมลงหรือโรค แต่มันคือ กาฝาก ผมต้องช่วยจัดการเอากาฝากออกบ่อยครั้ง กาฝากเปรียบได้กับวัชพืชในแปลงผักที่คอยแย่งอาหารพืชผักที่เราปลูกไว้ กาฝากเริ่มต้นจากชีวิตในเมล็ดเล็กๆ จากพันธุ์ไม้อื่นมาเกาะติดต้นไม้ที่เราปลูกไว้จากพาหะต่างๆ เช่น นก กระรอก ฯลฯ จากชีวิตเล็กๆ มันค่อยๆ โตขึ้นจากน้ำเลี้ยงต้นไม้ที่ปลูกไว้ ต่อมาไม่นานชีวิตเล็กๆ จะโตขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเหมือนกิ่งหนึ่งในต้นนั้น ถ้ากาฝากมีมากและมีอยู่นานต้นไม้ต้นนั้นจะไม่เกิดผล ไม่โต และทำให้ต้นไม้ดังกล่าวสูญเสียความงดงาม
ผมต้องขอให้คนมาช่วยตัดกิ่งกาฝากออกจากต้นบ่อยๆ เมื่อกิ่งกาฝากถูกตัดออกไปต้นไม้ของผมดูสวยงามขึ้น กิ่งก้าน ผลิใบ ผลิดอกออกผลดีขึ้น ชีวิตของคุณและผมคงไม่ผิดอะไรกับต้นไม้บ้านของผมนั้น เราต้องเผชิญกับศัตรูชีวิตที่มีจุดเริ่มต้นแทบจะไม่รู้ตัวแต่เมื่อรู้ตัวว่ามีกาฝากมันก็เกือบจะสายไป หรืออาจจะสายไปเสียแล้ว
กาฝากที่ผมพูดเป็นกาฝากชีวิต ที่มันเริ่มต้นก่อตัวจากความคิดไม่ดีที่ตัวเราประมาท คิดว่าไม่เป็นไร กำจัดมันเมื่อใดก็ได้และแล้วเราก็ลืมมันไป ขณะที่เราคิดว่าเราลืมไปแล้วนั้นมันค่อยๆ หยั่งรากและเกิดแขนงในตัวเรา จนมันเติบใหญ่เราไม่อาจกำจัดมันให้ออกไปจากชีวิตเราได้ ความคิดไม่ดีอาจเป็นความอิจฉาริษยา อาจเป็นรากขมขื่น อาจเป็นความคิดโลภอยากได้ของ อยากภริยาหญิงอื่นนอกเหนือภรรยาของตน
จริงอยู่ความคิดดังกล่าวย่อมผลุดขึ้นหรือถูกกระตุ้นให้เกิดความคิดขึ้นได้กับทุกคน การที่ความคิดผลุดขึ้นหรือถูกกระตุ้นให้เกิดขึ้นในตัวของมันไม่ใช่เป็นความผิดหรือความบาป มันไม่ใช่อันตรายถึงชีวิต แต่ถ้าเราบ่มความคิด หรือเต็มไปอยู่ในความทรงจำ ความคิดดังกล่าวจะค่อยๆ หยั่งรากและเติบโตกลายเป็นความรู้สึกที่รุนแรงแล้วแผลงฤทธิ์ออกมาในรูปของการกระทำ ขอให้เราจำไว้เสมอว่า นกบินข้ามศีรษะ ถือว่าเป็นเรื่องปกติและไม่อาจห้ามได้ แต่คุณสามารถไล่นก ปฏิเสธไม่ให้มันทำรังบนศีรษะเรา ฉันใดก็ฉันนั้น ความคิดไม่ดี อาจผลุดขึ้นหรือกระตุ้นให้เกิดขึ้น มันเรื่องห้ามไม่ได้ แต่คุณและผมต้องห้ามมันไม่ให้มันมาหยั่งรากทำรังในชีวิตของเรา
จงระวังความคิดที่เกิดขึ้น ถ้าเกิดขึ้นต้องรู้เท่าทันดับความคิดนั้นเสีย ถ้าใครรู้สึกว่าตัวเองมีกาฝากแห่งความคิดที่ไม่ดีกำลังเติบโตขึ้นในชีวิตเป็นเหตุให้คุณธรรมในชีวิตอับเฉาลง จงอย่ารีรอและมัวเสียดายจงตัดมันทิ้งเสีย ถ้าคุณปล่อยให้กาฝากมีชีวิต คุณเองก็จะตาย จงเลือกเอาถ้าคุณตัดเองไม่ได้ จงแสวงหาพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงทราบวิธีที่จะกำจัดกาฝากชีวิต ให้หมดจากชีวิตเรา
ผมต้องขอให้คนมาช่วยตัดกิ่งกาฝากออกจากต้นบ่อยๆ เมื่อกิ่งกาฝากถูกตัดออกไปต้นไม้ของผมดูสวยงามขึ้น กิ่งก้าน ผลิใบ ผลิดอกออกผลดีขึ้น ชีวิตของคุณและผมคงไม่ผิดอะไรกับต้นไม้บ้านของผมนั้น เราต้องเผชิญกับศัตรูชีวิตที่มีจุดเริ่มต้นแทบจะไม่รู้ตัวแต่เมื่อรู้ตัวว่ามีกาฝากมันก็เกือบจะสายไป หรืออาจจะสายไปเสียแล้ว
กาฝากที่ผมพูดเป็นกาฝากชีวิต ที่มันเริ่มต้นก่อตัวจากความคิดไม่ดีที่ตัวเราประมาท คิดว่าไม่เป็นไร กำจัดมันเมื่อใดก็ได้และแล้วเราก็ลืมมันไป ขณะที่เราคิดว่าเราลืมไปแล้วนั้นมันค่อยๆ หยั่งรากและเกิดแขนงในตัวเรา จนมันเติบใหญ่เราไม่อาจกำจัดมันให้ออกไปจากชีวิตเราได้ ความคิดไม่ดีอาจเป็นความอิจฉาริษยา อาจเป็นรากขมขื่น อาจเป็นความคิดโลภอยากได้ของ อยากภริยาหญิงอื่นนอกเหนือภรรยาของตน
จริงอยู่ความคิดดังกล่าวย่อมผลุดขึ้นหรือถูกกระตุ้นให้เกิดความคิดขึ้นได้กับทุกคน การที่ความคิดผลุดขึ้นหรือถูกกระตุ้นให้เกิดขึ้นในตัวของมันไม่ใช่เป็นความผิดหรือความบาป มันไม่ใช่อันตรายถึงชีวิต แต่ถ้าเราบ่มความคิด หรือเต็มไปอยู่ในความทรงจำ ความคิดดังกล่าวจะค่อยๆ หยั่งรากและเติบโตกลายเป็นความรู้สึกที่รุนแรงแล้วแผลงฤทธิ์ออกมาในรูปของการกระทำ ขอให้เราจำไว้เสมอว่า นกบินข้ามศีรษะ ถือว่าเป็นเรื่องปกติและไม่อาจห้ามได้ แต่คุณสามารถไล่นก ปฏิเสธไม่ให้มันทำรังบนศีรษะเรา ฉันใดก็ฉันนั้น ความคิดไม่ดี อาจผลุดขึ้นหรือกระตุ้นให้เกิดขึ้น มันเรื่องห้ามไม่ได้ แต่คุณและผมต้องห้ามมันไม่ให้มันมาหยั่งรากทำรังในชีวิตของเรา
จงระวังความคิดที่เกิดขึ้น ถ้าเกิดขึ้นต้องรู้เท่าทันดับความคิดนั้นเสีย ถ้าใครรู้สึกว่าตัวเองมีกาฝากแห่งความคิดที่ไม่ดีกำลังเติบโตขึ้นในชีวิตเป็นเหตุให้คุณธรรมในชีวิตอับเฉาลง จงอย่ารีรอและมัวเสียดายจงตัดมันทิ้งเสีย ถ้าคุณปล่อยให้กาฝากมีชีวิต คุณเองก็จะตาย จงเลือกเอาถ้าคุณตัดเองไม่ได้ จงแสวงหาพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงทราบวิธีที่จะกำจัดกาฝากชีวิต ให้หมดจากชีวิตเรา
กตัญญุตา
ค่านิยมอันทรงคุณค่าฝังลึกในสังคมเอเชีย ถ่ายทอดมายังคนแต่ละรุ่นจากอดีตถึงปัจจุบันนับเป็นพันๆ ปี คือเรื่อง ความกตัญญู ค่านิยมดังกล่าวอยู่ในคำสอนของทุกศาสนา ผู้ใดก็ตามถ้าขาดคุณธรรมดังกล่าว ผมคิดว่าผู้นั้นเกิดมาเสียชาติเกิด เราคงได้ยินคำพูดที่ว่า “บุคคลที่ไม่รู้จักคุณคน เขาไม่ใช่คน” แม้คำกล่าวนี้จะฟังดูแล้วรุนแรง แต่ผมว่าเป็นคำพูดที่ถูกต้อง
ความกตัญญู หมายถึง การรู้คุณท่าน รู้อุปการะที่ท่านทำให้ ท่านที่พูดถึงคือคนที่ทำดีและช่วยอุปถัมภ์ต่อผู้ด้อยโอกาสหรือขาดโอกาส บุคคลที่สำคัญสุดซึ่งทุกคนควรรู้คุณท่านคือ พ่อแม่หรือผู้อุปการะเลี้ยงดูเรามา
คำว่า กตัญญู จะตามด้วยคำว่า กตเวที ซึ่งหมายความว่า สนองคุณท่าน ความรู้หรือตระหนักรู้ในคุณของพ่อแม่หรือผู้อุปการะคุณทั้งหลายเพียงอย่างเดียวแต่ไม่ทำอะไรเลย ถือว่าผู้นั้นเป็นคนที่ไม่ปกติ ผมว่าสู้ไม่รู้ในคุณท่านเสียเลยก็จะดีกว่าที่รู้แล้วไม่ทำอะไร แต่สิ่งที่แย่กว่านั้นคือ คนอกตัญญูและคนเนรคุณ บุคคลชนิดนี้นอกจากจะไม่สนองคุณท่านด้วยคุณงามความดีทำให้ท่านชื่นใจแล้ว พวกเขานำเอาความเดือดร้อน สร้างปัญหา และเบียดเบียนผู้มีพระคุณ บางรายร้ายมากถึงกับทำร้ายร่างกายและผลาญทรัพย์สมบัติที่ท่านเหล่านี้สะสมมาทั้งชีวิต
ประเทศไทยของเราได้กำหนดวันสงกรานต์ วันที่ 13-15 เมษายน ของทุกปี เป็นวันหยุด นอกจากจะเป็นวันเฉลิมฉลองวันปีใหม่ของไทยแล้ว รัฐบาลยังกำหนดให้เป็นวันครอบครัว เป็นวันที่ลูกๆ จะกลับไปเยี่ยมบ้าน เยี่ยมพ่อแม่ ครูอาจารย์ และผู้มีอุปการะคุณทั้งหลาย ในยุคที่ผมยังเป็นเด็ก ผมเห็นลูกหลานที่ออกไปทำงานต่างถิ่นจะกลับมากราบพ่อแม่ พร้อมกับนำเงินส่วนที่เก็บสะสมไว้ช่วงทำงานนั้นมามอบให้พ่อแม่ เป็นการแสดงความกตเวทิตา ภาพอันน่ารักเหล่านั้นยังคงฝังใจและอยู่ในจิตสำนึกของผมจนตราบเท่าทุกวันนี้ การแสดงความกตัญญูกตเวทิตา เราแสดงได้ทุกโอกาสไม่ใช่เพียงแต่เฉพาะเทศกาลเท่านั้น แต่วันสงกรานต์ของทุกๆ ปี คงเป็นตัวกระตุ้นเตือนใจสำหรับผู้ที่ยุ่งอยู่กับเรื่องตัวเองจนลืมผู้มีพระคุณทั้งหลาย
ผมขออวยพรให้ทุกท่านจงมีความสุข ความเจริญก้าวหน้าเนื่องในเทศกาลปีใหม่ไทย และขอให้ทุกคนรื้อฟื้นจิตใจตนเองเรื่องความกตัญญู และจงแสดงกตเวทิตาด้วย เพราะนั่นจะทำให้ทั้งผู้ให้และผู้รับมีความสุขสมบูรณ์
ความกตัญญู หมายถึง การรู้คุณท่าน รู้อุปการะที่ท่านทำให้ ท่านที่พูดถึงคือคนที่ทำดีและช่วยอุปถัมภ์ต่อผู้ด้อยโอกาสหรือขาดโอกาส บุคคลที่สำคัญสุดซึ่งทุกคนควรรู้คุณท่านคือ พ่อแม่หรือผู้อุปการะเลี้ยงดูเรามา
คำว่า กตัญญู จะตามด้วยคำว่า กตเวที ซึ่งหมายความว่า สนองคุณท่าน ความรู้หรือตระหนักรู้ในคุณของพ่อแม่หรือผู้อุปการะคุณทั้งหลายเพียงอย่างเดียวแต่ไม่ทำอะไรเลย ถือว่าผู้นั้นเป็นคนที่ไม่ปกติ ผมว่าสู้ไม่รู้ในคุณท่านเสียเลยก็จะดีกว่าที่รู้แล้วไม่ทำอะไร แต่สิ่งที่แย่กว่านั้นคือ คนอกตัญญูและคนเนรคุณ บุคคลชนิดนี้นอกจากจะไม่สนองคุณท่านด้วยคุณงามความดีทำให้ท่านชื่นใจแล้ว พวกเขานำเอาความเดือดร้อน สร้างปัญหา และเบียดเบียนผู้มีพระคุณ บางรายร้ายมากถึงกับทำร้ายร่างกายและผลาญทรัพย์สมบัติที่ท่านเหล่านี้สะสมมาทั้งชีวิต
ประเทศไทยของเราได้กำหนดวันสงกรานต์ วันที่ 13-15 เมษายน ของทุกปี เป็นวันหยุด นอกจากจะเป็นวันเฉลิมฉลองวันปีใหม่ของไทยแล้ว รัฐบาลยังกำหนดให้เป็นวันครอบครัว เป็นวันที่ลูกๆ จะกลับไปเยี่ยมบ้าน เยี่ยมพ่อแม่ ครูอาจารย์ และผู้มีอุปการะคุณทั้งหลาย ในยุคที่ผมยังเป็นเด็ก ผมเห็นลูกหลานที่ออกไปทำงานต่างถิ่นจะกลับมากราบพ่อแม่ พร้อมกับนำเงินส่วนที่เก็บสะสมไว้ช่วงทำงานนั้นมามอบให้พ่อแม่ เป็นการแสดงความกตเวทิตา ภาพอันน่ารักเหล่านั้นยังคงฝังใจและอยู่ในจิตสำนึกของผมจนตราบเท่าทุกวันนี้ การแสดงความกตัญญูกตเวทิตา เราแสดงได้ทุกโอกาสไม่ใช่เพียงแต่เฉพาะเทศกาลเท่านั้น แต่วันสงกรานต์ของทุกๆ ปี คงเป็นตัวกระตุ้นเตือนใจสำหรับผู้ที่ยุ่งอยู่กับเรื่องตัวเองจนลืมผู้มีพระคุณทั้งหลาย
ผมขออวยพรให้ทุกท่านจงมีความสุข ความเจริญก้าวหน้าเนื่องในเทศกาลปีใหม่ไทย และขอให้ทุกคนรื้อฟื้นจิตใจตนเองเรื่องความกตัญญู และจงแสดงกตเวทิตาด้วย เพราะนั่นจะทำให้ทั้งผู้ให้และผู้รับมีความสุขสมบูรณ์
4 เทคนิคการเตรียมตัวทำข้อสอบ GAT วิชา ภาษาอังกฤษ
การสอบ GAT-PAT ของวิชาภาษาอังกฤษตั้งแต่มีการสอบมา ในส่วนของ GAT นั้นหลายๆ คนถึงกับร้องโอ้ววว โนววว กันเลยทีเดียว เพราะความยากของ ข้อสอบที่ออกมา และ อาจจะรวมไปถึงการเรียนของบางโรงเรียนอาจจะไม่ตรงกับแนวข้อสอบภาษาอังกฤษของมหาวิทยาลัยด้วย แต่ถ้ามาวิเคราะห์กันดีๆแล้วเนี่ย ข้อสอบ GAT ภาษาอังกฤษ มันก็ไม่ได้ยากไปกว่าข้อสอบรับตรงของหลายๆสถาบัน ถ้าหากว่าน้องๆ ได้เตรียมการอ่านหนังสือมาอย่างดี รับรองมันไม่ได้ยากเกินไปอย่างแน่นอน และวันนี้เราจะมาแนะนำ 4 เทคนิคที่จะช่วยเตรียมตัวทำข้อสอบ GAT ภาษาอังกฤษ ให้เป็นเรื่องง่ายๆกัน
1. รู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษเยอะๆ ยิ่งได้เปรียบ
สิ่งที่ต้องรู้กันอย่างนึง นั่นก็คือ ข้อสอบ GAT ภาษาอังกฤษ นั้นจะเน้นไปที่คำศัพท์ยากๆ ที่น้องๆ จะไม่สามารถเจอได้ในบทเรียน ม.ปลาย หรืออาจจะเจอน้อยมากๆ หลายคนอ่านมาถึงตรงนี้คงจะตกใจแล้วว่า อ่าวแล้วหนูจะไปหาศัพท์เหล่านี้มาได้ยังไงหล่ะค่ะ ‘จารย์ อันนี้ขอแนะนำให้ไปหาชีทศัพท์ของ อ.สมศรี มาอ่านเลยครับ ดาวน์โหลดได้ที่นี่ ในชีทจะมีคำศัพท์ยากๆ มาให้ท่องเยอะแยะเลย ซึ่งที่เหลือก็อยู่ที่น้องๆ แล้วว่าใครจะจำคำศัพท์ได้มากน้อยกว่ากัน
2. หัดแปลประโยคสั้นๆ ในข้อสอบให้ออก
นอกจากรู้คำศัพท์ยากๆ แล้วสิ่งที่ตามมาอีกนั่นก็คือ น้องๆ จะต้องฝึกหัดแปลประโยคสั้นๆ จากในข้อสอบ GAT ภาษาอังกฤษ ให้ได้ด้วย ต้องฝึกบ่อยๆ ให้เกิดการชินกับการแปลประโยคสั้นๆ 1-2 ประโยคให้ได้ในเวลาอันสั้น เพื่อที่เราจะได้ไปต่อได้ในขั้นต่อไปครับ
3. อ่านบทความภาษาอังกฤษให้รู้เรื่อง
จาก 2 ข้อแรก เมื่อน้องๆ รู้คำศัพท์ยากๆ และสามารถแปลประโยคสั้นๆ ได้แล้ว ไม่ได้หมายความว่าเราจะสามารถพิชิตยอดเขา ข้อสอบ GAT ภาษาอังกฤษ แล้วนะครับ ยังมีสิ่งที่จะต้องฝึกอีกนั่นก็คือ การหาบทความภาษาอังกฤษมานั่งอ่าน เพราะข้อสอบส่วน Passage ถือเป็นส่วนเก็บคะแนนได้อย่างเป็นกอบเป็นกำถ้าน้องๆ สามารถอ่านและแปลบทความออกนะครับ เพราะบทความคือการนำประโยคหลายๆ ประโยคมารวมกันเป็น 1 เรื่อง ความยากของข้อสอบ Passage ก็คือการอ่านบทความภาษาอังกฤษและเข้าใจคำเชื่อมต่างๆ ในประโยคเช่น แม้ว่า, ทั้งๆที่, มิฉะนั้น, อย่างไรก็ตาม ถ้าน้องๆสามารถเข้าใจคำพวกนี้ได้ ข้อสอบนี้ก็ไม่ยากอะไรแล้วครับ ถ้าไม่รู้จะหาบทความภาษาอังกฤษจากไหนมาอ่าน ก็ง่ายๆครับ หาอ่านเอาได้เลยจากอินเตอร์เน็ตครับ หรือ จากข่าวบนหนังสือพิมพ์ก็ได้
4. ไม่ขี้เกียจ ทำได้ทุกแนวข้อสอบ
ถ้าขี้เกียจทุกอย่างก็จบ ไม่ว่าจะเป็นการทำข้อสอบ GAT ภาษาอังกฤษหรือวิชาอะไรก็แล้วแต่ ถ้าน้องๆ มัวแต่พลัดวันประกันพรุ่ง คำศัพท์ยากๆ มีเป็นร้อยๆ พันๆ คำถ้าไม่ขยันก็คงจำได้ไม่หมด อ่านไม่ออก แปลไม่ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นถ้าอยากทำคะแนนสอบ GAT อังกฤษ ก็ขอให้ตั้งใจให้มากๆ แน่นอนว่าทุกคนจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว อาจจะเกิดปัญหาผิดพลาดทางเทคนิค อ่านมาอย่างดีแล้วก็ตาม น้องๆก็อาจจะทำข้อสอบ GAT อังกฤษไม่ได้ ทีนี้เราเลยจัดวิธีเดาและตัดคำตอบออกให้เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำคะแนนข้อสอบกัน มาดูเลยว่ามีเทคนิคอะไรบ้าง
10 เทคนิคเดาข้อสอบภาษาอังกฤษให้ได้คะแนน
1. ใน 4 choice ถ้ามีข้อที่มี คำ ปฏิเสธ อยู่ 1ข้อ ข้อนั้นมักผิด (ตัดออกไปก่อน) เช่น hardly,not,dis,un,etc.
2. ข้อความที่สั้นน่าเกลียดมากๆ มักผิด เช่น
1. ~~~~~~~~~~~~~~~~~
2. ~~~~~~~~~~~~~~~
3. ~~~~~~~~~~~~~~~~~~
4. ~~~~~~
ข้อ 4 แนวโน้มผิดสูง ระวังไว้ก่อน
3. ข้อที่มีคำที่มีความหมายค่อนข้างบีบ มักผิดตัดทิ้งได้ก่อนเลยเช่น only,absolutely,completely,every,very,much,all,whole,entire,now,at,once,first,etc.
4. ข้อที่มีข้อความซ้ำกับเนื้อเรื่องหรือโจทย์มากๆมักผิด (ใน Dialogs มักเป็นคำที่ใช้พูดมาแล้วก่อนหน้านี้)
เนื้อเรื่อง: ~~~~~~~~XXXXXXX~~~~~~~ (กรณีไม่แน่ใจ choice 1 กับ 3)
1.~~~~XX~~~~~~~~
3.~~~~XXXXXX~~~~
ตอบข้อ 1 ดีกว่า เพราะปกติคนเราไม่ชอบใช้คำซ้ำ
กรณีคนคุยกัน
Dialogs Test A: XXXX B: YYYYY
A: ____(1.)___
ข้อความที่ A ควรตอบ สมมติแปลไม่รู้เรื่อง แต่สังเกตดู ข้อ1 มีข้อความซ้ำที่เคยพูดมาแล้ว 1.XXXX 2. ZZZZ ควรตอบข้อ 2 เพราะ XXXX พูดไปแล้วไม่น่าพูดซ้ำอีก
5. ข้อความที่ตามหลัง preposition หรือ conjunction ใดๆ ที่ไม่ใช่ and,but,or,not only…but (also)… มักเป็นข้อผิด เช่น
เจอ choices 1.XXXXXXX 2.YYYYYY
แล้วในเนื้อเรื่องมีข้อความ ~~~~~~~but XXXXXX ~~~~~~~~because YYYYY~~~~~~~~
ควรตอบข้อ 1 เพราะเป็นข้อความที่อยู่หลัง conj. but
6. Choice พวกนี้มักผิด คนออกจะหลอกให้เรางง
+ and –
– and +
+ but –
– but +
(ข้างหน้าดี แต่ ข้างหลังแย่ หรือ หน้าแย่ แต่หลังดี)
7. ใน 4 choice ถ้ามีขั้นกว่าหรือขั้นสูงสุดอยู่ข้อเดียว ข้อนั้นมักผิด
8. active voice มักถูกมากกว่า passive voice เช่น 1.she called him. 2.she was scolded. ควรตอบข้อ 1
9. ยาวกว่ามักถูก
(กรณีเหลือ 2 choice ที่ไม่แน่ใจ) 1.~~~~~~~~~~~~~ 2.~~~~~~~~~~~~~~ ควรตอบ 2
10. น้ำหนักข้อถูก ในข้อสอบ แบบ ตอนเดียว (ใช้กับ GAT ได้แต่ Onet ไม่ได้เพราะมี 2 ตอน) เรียงดังนี้ 3>2>4>1 ใช้ในกรณีไม่สามารถตัดchoiceโดยใช้หลักที่กล่าวมาข้างต้นได้
ถ้าน้องๆ สนใจอยากทดลองทำข้อสอบ สามารถเข้าไปทำข้อสอบได้จากลิ้งด้านล่างนี้เลย
เทคนิคเตรียมตัวในการทำ ข้อสอบ GAT ภาษาอังกฤษ 4 ข้อที่เอามาฝากกันหวังว่าคงจะมีประโยชน์กับคนที่กำลังเตรียมสอบอยู่นะจ๊ะ ถ้าอย่างไรก็ดีควรที่จะอ่านหนังสือเพื่อเตรียมรับมือกับข้อสอบ GAT ภาษาอังกฤษนี้กันด้วย ตราบใดที่เราขยันมากพอมันจะส่งลัพธ์ดีๆให้น้องๆอย่างแน่นอนจ๊ะ ขอให้โชคดีในการสอบนะทุกคน
ที่มา:
1. http://www.unigang.com/Article/3539
2. http://www.tewfree.com/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81-4-%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A1-gat-%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9/
3. http://www.tewfree.com/สรุปภาษาอังกฤษ-gato-net-ครูสมศรี-แบรนด์-2014/
10 สถานที่ท่องเที่ยวปารีส นครแห่งศิลปะ ความงาม และความโรแมนติก
รีวิวที่เที่ยวปารีส ดินแดนที่มีชื่อเสียงก้องโลกทั้งด้านความสวยงาม ศิลปะ วัฒนธรรม แฟชั่น และอาหาร พร้อมข้อมูลการเดินทาง เที่ยวปารีสด้วยตัวเอง คุณก็ทำได้
ถ้าเอ่ยถึง “ปารีส“ หลายคนคงนึกเมืองแห่งแฟชั่น น้ำหอม หอไอเฟล และประตูชัยฝรั่งเศส แต่ที่นี่ไม่มีดีเท่านี้ เสิร์ชเอ็นจิ้น Skyscanner จึงได้ทำรีวิวปารีสและขอพาคุณไปดูสถานที่ท่องเที่ยวปารีสสุดอเมสซิ่งกัน
ปารีส เป็นเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศสและติดอันดับเมืองท่องเที่ยวฮ็อตฮิตของโลก เมืองนี้เต็มไปด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ โบราณสถานและวัตถุอันมีค่าศิลปะอย่างนับประมาณมิได้ ทั้งยังเป็นเมืองชั้นนำด้านแฟชั่นและอาหาร จึงดึงดูดให้มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางมาเยือน
การเตรียมตัวเดินทาง
ฤดูกาล
แต่ละฤดูนั้นให้ประสบการณ์ที่แตกต่าง ซึ่งก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน
ช่วงฤดูใบไม้ผลิ (*22 มีนาคม* - 21 มิถุนายน) มีอุณหภูมิประมาณ 10-18 องศาเซลเซียส อากาศเย็น-ค่อนข้างหนาวสำหรับคนไทย แต่นับว่าคุ้ม เพราะเป็นช่วงที่เราจะได้หนีร้อนจากเมืองไทยและได้ไปชมดอกไม้บานตลอดจนมีเทศกาลงานรื่นเริงอีกด้วย
ช่วงฤดูร้อน (22 มิถุนายน - 21 กันยายน) มีช่วงกลางวันยาวนานกว่าปรกติ เพราะกว่าพระอาทิตย์จะตกดินก็สี่ทุ่มทีเดียว ทำให้ได้เที่ยวได้เยอะ ถ้าไปช่วงต้นฤดูก็จะอากาศยังเย็นอยู่บ้าง ประมาณ 20-30 องศาเซลเซียส
ช่วงฤดูใบไม้ร่วง (22 กันยายน - 21 ธันวาคม) เป็นช่วงอากาศหนาว-เย็นดี โดยอุณหภูมิอยู่ที่ 10-18 องศาเซลเซียส แม้อาจจะมีฝนเล็กน้อย แต่เป็นช่วงที่เมืองสวยเพราะถูกแต่งแต้มสีสันจากใบไม้ที่กำลังเปลี่ยนสี
ช่วงฤดูหนาว (22 ธันวาคม - 21 มีนาคม) อุณหภูมิเฉลี่ยที่ 1-5 องศาเซลเซียส ซึ่งจะหนาวมากสำหรับคนไทย แต่ถ้าอยากสัมผัสอากาศหนาวและหิมะบนภูเขา ก็เป็นช่วงที่น่ามาเที่ยวมาก
ฤดูไหนควรเตรียมเสื้อผ้าอย่างไร อ่านได้ที่รีวิวแฟชั่นหน้าหนาว-เสื้อกันหนาวสุดเก๋สำหรับเตรียมแพ็คกระเป๋าไปเฉิดฉายเมืองหนาว
การเดินทางไปปารีส
เดินทางด้วยเครื่องบินสะดวกที่สุด โดยจะใช้บริการเที่ยวบินตรงหรือเที่ยวบินต่อไปปารีสก็ได้ ซึ่งแบบบินตรง จะย่นระยะเวลาเดินทางแต่ถ้าไม่ชอบเที่ยวบินยาว อยากมีจุดพักไว้ช้อปปิ้ง เดินออกกำลังกาย หรืออยากบินได้ถูกกว่าล่ะก็ แนะนำแบบต่อเครื่องดีกว่า
ทิปส์เพื่อไม่พลาดโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบิน |
---|
มีหลายที่เที่ยวที่อยากไปหรือเปิดใจไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ที่ค่าตั๋วราคาพิเศษสุด แค่ค้นหาที่เว็บ Skyscanner โดยระบุปลายทางเป็น “ทุกที่” ทีนี้คุณก็จะได้เทียบราคาตั๋วเครื่องบินราคาถูกไปแต่ละประเทศ อ่านเพิ่มเติม |
มีที่เที่ยวที่อยากบินไปในช่วงใดช่วงหนึ่ง แค่ค้นหาที่เว็บ Skyscanner โดยเลือกเดือนที่ต้องการบินไปเที่ยว คุณก็จะได้เทียบราคาตั๋วบินขาไปและขากลับในแต่ละวัน ซึ่งทำให้ไม่พลาดบินวันที่มีโปรตั๋วที่ถูกที่สุด อ่านเพิ่มเติม |
มีที่เที่ยวที่อยากบินไปแต่บินเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีวันบินหรือเดือนที่บินชัดเจน แค่ค้นหาที่เว็บ Skyscanner โดยเลือก “เดือนที่ราคาถูกที่สุด” แล้วคุณก็จะได้รู้ว่าเดือนไหนมีโปรเด็ดสุด อ่านเพิ่มเติม |
มีที่เที่ยวที่อยากบินไปและมีวันที่ต้องการบินโดยเฉพาะ แค่ค้นหาที่เว็บ Skyscanner โดยเลือกวันที่ต้องการบิน จากนั้นก็สมัคร “รับบริการแจ้งเตือนราคา” ในหน้าแสดงผลการค้นหา เมื่อราคาตั๋วเปลี่ยนแปลง ก็จะมีอีเมลส่งตรงถึงคุณ ช่วยให้ไม่พลาดโปรตั๋ว อ่านเพิ่มเติม |
การเดินทางในปารีสและออกจากปารีสไปเมืองอื่น
รถไฟฟ้า Metro และ RER ครอบคลุมการเดินทางภายในปารีส สะดวกและรวดเร็ว โดยเฉพาะ RER จะเป็นสายเฉพาะจุดสำคัญเท่านั้น คือมีจำนวนสถานีที่แวะน้อยมาก ทำให้เดินทางได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งสามารถเดินทางภายในปารีสและข้ามไปเมืองอื่นได้ด้วย โดยตั๋วโดยสารมีหลายแบบ เช่น เที่ยวเดียว แบบเหมา 10 ตั๋ว (เรียกว่า ตั๋ว Carnet ซึ่งมีราคาถูกกว่าซื้อทีละตั๋ว) ตลอดจนแบบรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน (ซึ่งแบ่งเป็นโซนต่างๆ)
รถราง ในบางจุดที่รถไฟเข้าไม่ถึง ก็จะมีบริการรถรางให้กับนักเดินทาง และสามารถใช้ตั๋วเดียวกับรถไฟ Metro และ RER ได้
รถบัส มีบริการไปได้เกือบทุกที่ในปารีส ทำให้คุณได้ชมเมืองในระหว่างเดินทาง และสามารถเลือกซื้อตั๋วที่ใช้ได้กับรถไฟและรถรางด้วย
รถไฟ หมายถึงรถไฟแบบดั้งเดิม ซึ่งใช้เดินทางจากปารีสไปยังชานเมือง เมืองและภูมิภาคอื่นในฝรั่งเศส
รถเช่า หากคุณไปกันเป็นกลุ่มอย่างน้อย 4 คนและอยากชมวิวเมืองพร้อมๆ กับเดินทางไปยังจุดท่องเที่ยวแต่ละแห่งของปารีส การขับรถเองนับว่าเป็นวิธีที่ตอบโจทย์มากที่สุด โดยการเช่ารถนั้นมีหลายราคาขึ้นอยู่กับว่า คุณมีจำนวนคนและต้องการรถแบบไหน
ที่พักในปารีส
มีจำนวนเยอะมากกระจายเกือบทั่วกรุงปารีส และมีให้เลือกหลายแบบตั้งแต่โรงแรมราคาประหยัดจนถึงโรงแรมสุดหรู 5 ดาว อพาร์ทเม้นท์ บ้านส่วนตัวเปิดให้เช่า และโฮสเทลหรือหอพักราคาถูก อยู่ที่ว่า คุณจะชอบแบบไหนและสะดวกพักที่ไหน
ข้อควรรู้ในการเตรียมเดินทาง
จะต้องขอวีซ่าที่สถานทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทยที่ถนนสาธรใต้ สกุลเงินที่ฝรั่งเศสใช้คือยูโร และใช้ระบบไฟ 220 โวลต์เหมือนไทย แต่ปลั๊กไฟที่นั่นเป็นแบบกลม เราจึงต้องเตรียมอะแด็ปเตอร์หรือหัวแปลงต่อไปด้วย
ไฮไลท์สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮ็อตในปารีส
หอไอเฟล (Eiffel Tower หรือ La tour Eiffel)
สร้างด้วยเหล็กขึ้นเพื่อเป็นที่เปิดงาน World's Fair ของปี 1889 และตั้งชื่อตามผู้ออกแบบคือ Alexandre Gustave Eiffel ด้วยศิลปะของการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์และชาญฉลาด การเป็นสิ่งปลูกสร้างที่สูงที่สุดในฝรั่งเศส และการเป็นอนุสาวรีย์ (แบบเสียค่าเข้าชม) ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในโลก ที่นี่จึงได้เป็นสัญลักษณ์สำคัญของประเทศฝรั่งเศส สำหรับผู้รักการถ่ายรูปทั้งหลาย คุณจะได้ฟินถ่ายรูปหนำใจแน่จากมุมทั้งด้านหน้าที่มีสวนและด้านหลังที่เป็นฝั่งแม่น้ำแซน (Seine River) เมื่อมาทั้งที ก็ขอให้ขึ้นไปชมทิวทัศน์อันน่าตื่นตาตื่นใจจากชั้นต่างๆ บนของหอนี้ด้วย โดยซื้อบัตรได้ที่บู้ธบริเวณฐานของหอไอเฟล (คิวยาวมากๆ) หรือเว็บออนไลน์
มหาวิหารนอเทรอดาม *(*Notre Dame Cathedral หรือ *Notre Dame de Paris*)
เป็นศาสนสถานนิกายคอทอลิกที่สำคัญของฝรั่งเศส เพราะเคยเป็นศูนย์กลางของเมืองในยุคกลาง (Medieval) จนถึงปัจจุบัน เป็นหนึ่งในมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดและเป็นที่รู้จักกันมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สถาปัตยกรรมของมหาวิหารนี้ใช้ศิลปะที่ละเอียดอ่อนสไตล์กอธิก (Gothic) ใช้โครงสร้างที่เป็นไม้ และใช้วัสดุอื่นๆ อีก เช่น หิน ตะกั่ว และกระจกสี ภายในวิหารมีรูปปั้นและภาพจิตรกรรมที่สวยงามเกี่ยวกับพระแม่มารี และต้องขึ้นบันไดมากถึง 387 ขั้นเพื่อไปถึงยอดของโบสถ์ เรียกได้ว่า มหาวิหารนอเทรอดามแห่งนี้มีทั้งความงดงามและใหญ่โตหรูหรามากทีเดียว
แม่น้ำแซน *(*Seine River หรือ *La Seine à Paris*)
พลาดละถ้าคุณไม่ได้มาชมพระอาทิตย์ตกที่แม่น้ำแซน ซึ่งไหลผ่านสถานที่สำคัญและย่านสวยงามของกรุงปารีส ทั้งหอไอเฟิล มหาวิหารนอเทรอดาม แกรนด์พาเลส (Grand Palais) พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ พิพิธภัณฑ์ออร์เซย์ โบสถ์แซงต์ชาแปลล์ เป็นต้น เราขอแนะให้ล่องเรือยามใกล้ค่ำเพื่อที่จะได้ฟินกับการชมทิวทัศน์ของเมืองและสถาปัตยกรรมสวยงามยามต้องแสงอาทิตย์สีส้มและยามต้องแสงไฟในช่วงราตรี
ถนนฌ็องเซลิเซ่และประตูชัยนโปเลียน *(*Champs-Élysées & Arc de Triomphe)
ถนนฌ็องเซลิเซ่ได้รับขนานนามว่า ถนนที่สวยงามที่สุดในกรุงปารีส ซึ่งเริ่มต้นจาก Place de la Concorde เป็นที่ตั้งของพลาซ่าที่มีอนุสาวรีย์ยอดพีระมิดสไตล์อียิปต์ ผ่านกรองด์ปาเลส์ (Grand Palais) เปอตีปาเลส์ (Petit Palais) โรงละครรงปวง (Rond-Point) โรงละครมาริก์นี่ (Marigny) และย่านช้อปปิ้งสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนม ถนนสายนี้ไปจรดที่ประตูชัยนโปเลียนหรือประตูชัยปารีส ฝรั่งเศส อนุสรณ์สถานสำหรับนโปเลียนและผู้ที่ต่อสู้และนำชัยชนะของสงครามปฏิวัติฝรั่งเศสและสงครามนโปเลียน เราสามารถขึ้นไปชมชั้นบนของประตูชัยได้ จากจุดสูงของประตูชัยนี้ คุณจะได้ชมและเก็บภาพถนนฌ็องเซลิเซ่และถนนสายอื่นๆ รวม 12 สายที่ทอดยาวมุ่งสู่ประตูชัยนี้
พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ *(*Louvre Museum หรือ *Musé*e du Louvre)
เดิมทีเคยเป็นพระราชวังหลวงก่อนที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 จะย้ายไปประทับที่พระราชวังแวร์ซายส์ ปัจจุบันลูฟร์ใช้เป็นสถานที่จัดแสดงและเก็บรักษาผลงานทางศิลปะที่ทรงคุณค่าระดับโลกจำนวนมาก รวมไปถึงภาพโมนาลิซ่า ศิลปะภาพวาดชิ้นเอกของโลกด้วย ไม่เพียงแต่ศิลปะภาพวาดและโบราณวัตถุฝรั่งเศสเท่านั้น แต่เราจะได้ยลภาพวาด รูปปั้น และวัตถุโบราณจากอียิปต์ กรีก โรมัน เอทรุสแกน (Etruscan กลุ่มชนอารยธรรมที่อยู่บริเวณตอนกลางของอิตาลี่) ตะวันออกกลาง และศิลปะของอิสลามอีกด้วย นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวในปารีสที่ต้องไปเยือน เพราะมีทั้งสถาปัตยกรรมอันวิจิตรงดงามและเป็นพิพิธภัณฑ์ทางศิลปะที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
โรงละครปาเลส์การ์นิเย่ (Palais Garnier)
เป็นโรงละครโอเปร่าแห่งชาติ ซึ่งสามารถจุคนได้ถึง 1,979 ที่นั่ง ชื่อนี้ใช้เรียกขานตามผู้สร้างชาร์ส การ์นิเย่ (Charles Garnier) ซึ่งได้ออกแบบได้อย่างวิจิตรตระกานตาและหรูหราอย่างยิ่ง และถูกจัดเป็นศิลปะชิ้นเอกด้านสถาปัตยกรรมโรงละครของศตวรรษที่ 19 ต่อมาได้เพิ่มให้มีห้องสมุดและสถานที่แสดงนิทรรศการโดยเฉพาะด้านศิลปะการแสดง และเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสถานที่สำคัญอื่นๆ ของโลก เช่น ห้องสมุดคองเกรสที่กรุงวอชิงตัน โรงละครฮานอยที่เวียดนาม โรงละครริโอเดอจาเนโรและโรงละคอะเมซอนที่บราซิล
โบสถ์แซงต์ชาแปลล์ *(*Sainte Chapelle)
เป็นโบสถ์ที่ใช้สำหรับสวดมนต์ของราชวงศ์โดยเฉพาะ ซึ่งใช้ศิลปะสไตล์กอธิคในช่วงยุคกลางและประดับด้วยกระจกสีสไตล์ศตวรรษที่ 13 ที่สวยงามมากมายจนเรียกได้ว่า เป็นสถานที่ที่มีคอลเล็คชั่นกระจกสีของศตวรรษนี้มากที่สุดเลยทีเดียว เนื่องจากเป็นโบสถ์ขนาดเล็ก แนะนำว่า ไปช่วงเช้าจะดีที่สุดเพราะยังมีนักท่องเที่ยวไม่เยอะและจะได้เที่ยวสบายๆ
ซาเคร*-เกอร์ บาซิลิก้า* (*Sacré-Cœur* Basilica *หรือ *Basilique du Sacré-Cœur)
ชื่อเต็มคือ The Basilica of the Sacred Heart of Paris หรือบาซิลิก้า หัวใจอันศักดิ์สิทธิ์ของปารีส ตั้งอยู่บนยอดของเนินเขามงต์มาร์ทร์ (Montmartre) อยู่ทางทิศเหนือของปารีส เป็นอนุสรณ์สถานที่อุทิศแด่ชาวฝรั่งเศสซึ่งเสียชีวิตจากสงครามกับเยอรมนี โดยใช้ศิลปะสไตล์โรมัน-ไบเซนไทน์และประกอบด้วยสวน น้ำพุ หอระฆัง และตัวอาคารที่มียอดเป็นลักษณะโดมและตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสก ที่โดมกลางซึ่งสูงที่สุดของอาคารนั้นเปิดให้เราขึ้นไปชมวิวปารีสแบบพาโนราม่าได้
พระราชวังลักเซมบูร์ก (Luxembourg Palace หรือ Palais du Luxembourg)
เดิมถูกสร้างเพื่อเป็นที่ประทับของพระนางมารี เมดิซี (Marie de Médicis) มารดาของพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 หลังจากการปฏิวัติฝรั่งเศส วังแห่งนี้ก็ได้รับการดัดแปลงให้เป็นอาคารรัฐสภา ส่วนทิศเหนือของตัววังก็ปรับให้เป็นที่พักของประธานสภาสูง อาคารทางทิศตะวันตกก็ทำเป็นพิพิธภัณฑ์ ทางทิศใต้ของวังเป็นสวนขนาดใหญ่อลังการ (10 ไร่) ประกอบด้วยสระน้ำ รูปปั้นของราชินีฝรั่งเศสและนักบุญต่างๆ ต้นไม้ ไม้ดอกและไม้ประดับที่จัดไว้อย่างสวยงามลงตัว มุมตะวันตกเฉียงใต้ของสวนนี้มีเวทีละครหุ่นท่ามกลางสวนแอ๊ปเปิ้ลและลูกแพร ใกล้ๆ กันนี้ มีศาลาพักผ่อน ซึ่งจะมีการแสดงดนตรีฟรี ร้านกาแฟ และร้านอาหารให้พักผ่อนหย่อนใจ ใครที่ชอบชมความงามทางศิลปะและจิบกาแฟผ่อนคลายในสวนสวย ที่นี่ใช่แน่
พิพิธภัณฑ์ออร์เซย์ *(Orsay Museum *หรือ Musée d'Orsay)
อีกพิพิธภัณฑ์หนึ่งที่จัดอยู่ในรายการต้องไปเยือน เพราะที่นี่รวบรวมศิลปะหลายแขนงของฝรั่งเศส ได้แก่ จิตรกรรม ปฏิมากรรม เฟอร์นิเจอร์ และภาพถ่าย ในปีค.ศ. 1848-1915 โดยมีคอลเล็คชั่นศิลปะชิ้นเอกของสมัยอิมเพรสชั่นนิสซึ่ม (Impressionism) และหลังสมัยอิมเพรสชั่นนิสซึ่ม (Post-impressionism) มากที่สุดในโลก ซึ่งรวมทั้งภาพวาดของศิลปินชื่อดังอย่าง Monet, Manet, Renoir และ Van Gogh นอกจากจะได้ชมศิลปะสวยๆ แล้ว บอกได้เลยว่า คุณจะได้เต็มอิ่มกับสถาปัตยกรรมอันสวยงามของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ซึ่งเดิมทีสร้างเพื่อเป็นสถานีรถไฟ
สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจ
วัง
พระราชวังทุยเลอรี (Tuileries Palace หรือ Palais des Tuileries) เคยเป็นพระราชวังหลวงของราชวงศ์ฝรั่งเศสจนกระทั่งถูกเผาทำลาย และมีพระราชอุทยานสวย ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นสวนสาธารณะที่มีนักท่องเที่ยวเข้าชมมากมาย
พิพิธภัณฑ์
วังแกรนด์ (Grand Palais des Champs-Élysées) เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ สถานที่จัดแสดงนิทรรศการ และพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์
วังเปอตี (Petit Palais) เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะด้านวิจิตรศิลป์ อยู่ตัดกับวังแกรนด์
วังรอยัล (Palais-Royal) อยู่ถัดจากวังแกรนด์เดิมเป็นที่ประทับขององค์คาร์ดินัล และต่อมาเป็นที่ประทับของเชื้อพระวงศ์ฝรั่งเศส ภายในมีโรงละครและสวนที่สวยงาม ปัจจุบันเป็นสถานที่ทำการของสภารัฐธรรมนูญและกระทรวงวัฒนธรรม
พิพิธภัณฑ์โรดิน (Rodin Museum หรือ Musée Rodin) เดิมเป็นบ้านของปฏิมากรชื่อดัง Auguste Rodin ปัจจุบันเป็นที่จัดแสดงศิลปะภาพเขียน รูปปั้น ภาพถ่าย และศิลปวัตถุมากมายกว่า 29,000 ชิ้น
พิพิธภัณฑ์ออแร็งเจอรี (Orangerie Museum หรือ Musée de l'Orangerie) เป็นแกลเลอรี่แสดงภาพวาดแบบอิมเพรสชั่นนิสซึ่มและโพสต์อิมเพรสชั่นนิสซึ่ม
พิพิธภัณฑ์ปิกาสโซ่ (Musée Picasso) เก็บผลงานทางศิลปะของพาโบล ปิกาสโซ่ (Pablo Picasso) ศิลปินชื่อดัง
พิพิธภัณฑ์อาร์ทโมเดิร์นเดอลาวิลล์ (Musée d'Art Moderne de la Ville de Paris) จัดแสดงผลงานศิลปะสมัยใหม่และร่วมสมัย
พิพิธภัณฑ์คาร์นาวาเลต์ (Carnavalet Museum) แสดงงานศิลปะตั้งแต่สมัยเรอเนซองส์จนถึงปัจจุบันและหลากหลายแขนงเกือบ 6 แสนชิ้น
พิพิธภัณฑ์กวายบร็องลี่ (Musée du Quai Branly) สถานที่แสดงศิลปะและวัฒนธรรมพื้นบ้านของเอเชีย อเมริกา โอเชียเนีย และอาฟริกา
พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโมย็องอาช (Musée National du Moyen Âge) สถานที่แสดงสถาปัตยกรรมและศิลปะยุคกลาง
พิพิธภัณฑ์มาร์โมต็อง โมเน่ต์ (Musée Marmottan Monet) เปิดให้ชมผลงานกว่า 300 ชิ้นของศิลปินชื่อดัง มาร์โมต็อง โมเน่ต์ และศิลปินที่มีชื่อเสียงอีกมากมาย
พิพิธภัณฑ์ชาร์คมาร์ต-อ็องเดร (Musée Jacquemart-André) เดิมเป็นบ้านของสองศิลปินดัง เอดูอาร์ด อ็องเดรและเนลี ชาร์คมาร์ต แล้วทำเป็นที่แสดงผลงานศิลปะของทั้งสอง
พิพิธภัณฑ์เลแอ็งวาลิด (Les Invalides) เคยเป็นที่พักอาศัยของทหารผ่านศึกและฝังศพทหารฮีโร่ ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ทางทหาร
ศูนย์ Georges Pompidou (Centre Georges Pompidou) พิพิธภัณฑ์แห่งชาติด้านศิลปะวัฒนธรรมสมัยใหม่ในหลากหลายแขนง และได้รับการออกแบบอาคารให้มีเอกลักษณ์แปลกใหม่
แลนด์มาร์คอื่นๆ
เกาะซิตี้ (Île de la Cité) เป็นหนึ่งในสองเกาะในแม่น้ำแซน ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เกาะนี้เดิมเป็นที่ตั้งของพระราชวัง (Palais de la Cité) ซึ่งประกอบด้วยพระราชวัง Palais de Justice โบสถ์แซงต์ชาแปลล์ และคุกคองซิเอเชอรี (Conciergerie) (ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์) นอกจากนี้ ในปัจจุบันยังเป็นที่ตั้งของมหาวิหารนอเทรอดาม สำนักงานตำรวจ และศาลแพ่ง
เกาะแซงต์หลุยส์ (Île Saint-Louis) เป็นอีกหนึ่งเกาะในสองเกาะในแม่น้ำแซน ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ มีสะพานเชื่อมต่อไปยังเกาะซิตี้เรียกว่า Pont Saint-Louis
สะพานอเล็กซานเดอร์ที่ 3 (Pont Alexandre III) มีลักษณะโค้ง เชื่อมระหว่างถนนฌ็องเซลิเซ่กับพิพิธภัณฑ์เลแอ็งวาลิดและหอไอเฟิล
จตุรัสค็องคอร์ด (Concorde Square หรือ Place de la Concorde) คือจตุรัสสาธารณะใหญ่ของปารีสที่มีน้ำพุสวย 2 แห่ง อนุสาวรีย์ และโบสถ์มาเดอลีน (Church of the Madeleine) นับเป็นแลนมาร์คที่สวยงาม
จตุรัสโวชส์ (Place des Vosges) เป็นจตุรัสที่เก่าแก่ที่สุดในปารีส มีอายุกว่า 400 ปี โดยสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าฮ็องรีที่ 9
ซิตี้ฮอลหรือโอเตล เดอ วีลล์ (City Hall หรือ Hôtel de Ville) เป็นที่ตั้งของเทศกาลกรุงปารีส และสร้างด้วยศิลปะแบบเรอเนซ็องส์
แพนธีออนหรือพ็องเธอง (Pantheon หรือ Panthéon) สร้างตามแบบวิหารพานเธนอนผสมผสานกับศิลปะแบบโกธิค ที่ออกแบบได้อย่างวิจิตรสวยงามมาก โดยเดิมเป็นโบสถ์แต่ปัจจุบันเป็นสุสานของบุคคลที่เป็นฮีโร่ของฝรั่งเศส รวมถึงพระเจ้านโปเลียน
คาต้าค็อมส์หรือคาต้าค็องส์ (Catacombes de Paris) สุสานที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยความพิเศษอยู่ที่เป็นอุโมงค์และถ้ำ และมีการนำหัวกะโหลกมาวางเรียงต่อกันเป็นกำแพง
สถานที่เที่ยวด้านความบันเทิง
ดีสนีย์แลนด์ปารีส (Disneyland Paris) สวนสนุกยอดนิยมในยุโรป ที่แบ่งเป็นสวนสนุกดีสนีย์แลนด์และสวนสนุกวอล์ทดีสนีย์สตูดิโอ อีกทั้งยังมีรีสอร์ท แหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และแหล่งรวมความบันเทิงอีกด้วย
โรงละครฌ็องเซลิเซ่ (Théâtre des Champs-Élysées) แสดงโอเปร่า คอนเสิร์ตดนตรีส่วนใหญ่เป็นแบบบาโรคและแช็มเบอร์ รวมทั้งคอนเสิร์ตออเคสตร้า
โรงละครฝรั่งเศส (Comédie-Française หรือ Théâtre-Français) เป็นหนึ่งในสองสามโรงละคะของรัฐ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวังรอยัล
โรงละครโอเดอ็อง (Odéon-Théâtre de l'Europe) หนึ่งในโรงละครแห่งชาติของฝรั่งเศส (ซึ่งมีทั้งหมด 6 แห่ง) สร้างด้วยศิลปะแบบนีโอคลาสสิค
โรงละครซิตี้ (City Theatre หรือ Théâtre de la Ville) เป็นโรงละครแสดงโอเปร่าและโชว์เต้นรำ
อาหารฝรั่งเศส ที่ได้พอเมื่อไปเที่ยวฝรั่งเศสต้องรับประทาน
1. Quiche
คีช เป็นอาหารจานอบชนิดหนึ่งโดยมีส่วนประกอบหลักคือ ไข่ นม หรือ ครีม ถึงแม้ว่าคีชจะมีลักษณะคล้ายพายแต่คีชถูกจัดเป็นอาหารคาว โดยในคีชอาจมีส่วนประกอบอื่นเช่น เนื้อสัตว์ ผัก เนยแข็ง ได้ ถึงแม้ว่าคีชจะมีส่วนประกอบหลายอย่างคล้ายอาหารประเภทพาสตา แต่ไม่ถูกจัดว่าเป็นส่วนหนึ่งของพาสตา
2. Ratatouille
ราทาทุย หรือ แรททาทูอี เป็นอาหารพื้นเมืองของฝรั่งเศส โดยมีลักษณะเป็นสตูว์ผัก มีต้นกำเนิดมาจากเมือง Nice ทานตอนใต้ของฝรั่งเศส อาหารชนิดนี้มีชื่อเต็มว่า ratatouille ni?oise คำว่า ratatouille มาจากภาษาอ็อกซิตันว่า "ratatolha" ราทาทุยปัจจุบันพบเห็นได้ที่ Occitan Proven?a และ Ni?a โดยมักจะทำในหน้าร้อนโดยใช้ผักในฤดูร้อน Ratatolha de Ni?a สูตรดั้งเดิมนั้นจะใช้เพียงแค่ ซุชีนี่, มะเขือเทศ, พริกหยวกแดงและเขียว, หัวหอม, และกระเทียม ราทาทุยในปัจจุบันจะมีการใส่มะเขือลงไปในส่วนผสมด้วย ปกติราทาทุยจะเสิร์ฟเป็นอาหารข้างเคียงกับอาหารหลัก หรือบางครั้งก็เสิร์ฟเป็นอาหารหลักบนโต๊ะอาหาร
3. soufflé
ซูเฟล เป็นเค้กชนิดหนึ่ง เนื้อเบา ฟูนุ่ม ใช้เสิร์ฟเป็นของหวานหรืออาหารว่าง ซูเฟลมีหลายแบบเช่น ซูเฟลซอสปู ซูเฟลช็อกโกแลต
4. French Wine
ไวน์ของประเทศฝรั่งเศสนั้น เป็นที่นิยมมาก ซึ่งได้มีการจัดให้เป็นไวน์ที่มีรสชาติดีที่สุดในโลกเลยทีเดียว ในฝรั่งเศสมีแหล่งผลิตไวน์อยู่ทั่วประเทศ ซึ่งมีการผลิตไวน์มากเป็นอันดับที่สองของโลกรองจาก ประเทศ สเปน เท่านั้น
ไวน์ที่ดีนั้นขึ้นอยู่กับรสนิยมของผู้ดื่มเอง ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามแต่ละคน แต่โดยการแนะนำของผู้คนจำนวนมากแล้ว ไวน์จาก
ประเทศฝรั่งเศสเป็นถิ่นกำเนิดไวน์ชั้น เยี่ยม อาทิ แชมเปญ บอร์โดซ์ เบอร์กันดี และไม่มีประทศใดในโลกที่สามารถผลิตไวน์ได้หลากหลายชนิดเท่าฝรั่งเศส ไวน์เป็นสัญญลักษณ์เฉพาะของงานเลี้ยง วิธีการและขั้นตอนในการดื่มไวน์จะเป็นตัวช่วยเพิ่มคุณค่าและรสชาติที่ดีของไวน์ได้ การชิม ไวน์ ของ ฝรั่งเศสนั้น เนื่องจากเขตพื้นที่ที่มีการปลูกองุ่นในประเทศฝรั่งเศสครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล จากเหนือจรดใต้ จากตะวันออกจรดตะวันตก ระยะห่างนี้ก่อให้เกิดความแตกต่างระหว่างเขตพื้นที่ ซึ่งมีผลต่อลักษณะของดินที่ใช้ปลูกองุ่น ทิศทางที่หันเข้าหาดวงอาทิตย์และภูมิอากาศ และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าเหตุใดไวน์ที่ได้จากเขตเพาะปลูกองุ่น จึงมีลักษณะเฉพาะตัวที่ต่างกันออกไป ประเทศฝรั่งเศสให้ผลผลิตไวน์ นานาชนิดแก่นักชิมไวน์ทั้งหลาย คือมีไวน์ appellations กว่า 400 ชนิด และแว็งเดอเปยี อีกมากมายหลายชนิดด้วยกัน ซึ่งมีสีสัน รสชาด และลักษณะเฉพาะตัวให้เลือกตามรสนิยม และความพอใจอย่างเหลือเฟือ
ฝรั่งเศส – ข้อมูลประเทศฝรั่งเศส
ประเทศฝรั่งเศส (France)
พื้นที่
ฝรั่งเศสมีพื้นที่ 550,000 ตารางกิโลเมตร นับเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันตก (ประมาณเกือบหนึ่งในห้าของพื้นที่ของสหภาพยุโรป) อีกทั้งยังมีพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่กินอาณาบริเวณกว้างขวาง (เขตเศรษฐกิจจำเพาะมีพื้นที่ทั้งสิ้น 11 ล้านตารางกิโลเมตร)
ภูมิประเทศ
พื้นที่ประมาณสองในสามของประเทศฝรั่งเศสเป็นที่ราบ เทือกเขาที่สำคัญได้แก่ เทือกเขาแอล์ปซึ่งมียอดเขาที่สูงที่สุดในยุโรป คือ ยอดเขามงต์บลองก์ (Mont-Blanc) สูง 4,807 เมตร เทือกเขาปิเรเนส์ เทือกเขาจูรา เทือกเขาอาร์แดนส์ เทือกเขามาสซิฟ ซองทราลและเทือกเขาโวจช์ ประเทศฝรั่งเศสมีชายฝั่งทะเลอยู่ถึง 4 ด้าน คิดเป็นความยาวรวมทั้งสิ้น 5,500 กิโลเมตร (ทะเลเหนือ ช่องแคบอังกฤษ มหาสมุทรแอตแลนติกและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน)
ภูมิอากาศ
มี 3 แบบคือ
- แบบชายฝั่งทะเลตะวันตก (บริเวณตะวันตกของประเทศ)
- แบบเมดิเตอร์เรเนียน (ทางตอนใต้ของประเทศ)
- แบบภาคพื้นทวีป (ทางตอนกลางและภาคตะวันออกของประเทศ)
สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ
พื้นที่เกษตรกรรมและทำป่าไม้มีประมาณ 48 ล้านเฮกตาร์ คิดเป็นร้อยละ 82 ของพื้นที่โดยรวมทั้งประเทศ (เฉพาะฝรั่งเศสส่วนภาคพื้นทวีป)
พื้นที่ป่ามีประมาณร้อยละ 30 และนับว่ามีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของสหภาพยุโรปรองจากสวีเดนและฟินแลนด์ ตั้งแต่ปี 1945 พื้นที่ป่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 46 และถ้าพูดถึงในช่วง 200 ปีที่ผ่านมา นับว่าเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว
ฝรั่งเศสมีความแตกต่างไปจากประเทศอื่นๆในยุโรปเพราะมีพันธุ์ไม้มากถึง 136 ชนิด ในส่วนของสัตว์ใหญ่ก็เพิ่มจำนวนขึ้น ภายในช่วงระยะเวลา 20 ปี จำนวนของสัตว์ประเภทกวางเพิ่มขึ้นถึง 2-3 เท่า
ประเทศฝรั่งเศสให้ความสำคัญกับมรดกทางธรรมชาติและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ จึงได้มีการจัดตั้ง
- อุทยานแห่งชาติ 7 แห่ง
- ป่าสงวน 156 แห่ง
- เขตรักษาพันธุ์พืชและสัตว์ป่า 516 แห่ง
- รวมทั้งประกาศให้พื้นที่อีก 429 แห่งเป็นเขตอนุรักษ์อยู่ภายใต้การดูแลของสถาบันอนุรักษ์ชายฝั่งทะเล
- นอกจากนี้ยังมีอุทยานธรรมชาติตามภูมิภาคต่างๆ อีกกว่า 37 แห่งซึ่งกินพื้นที่กว่าร้อยละ 7 ของประเทศ
งบประมาณจำนวน 32 พันล้านยูโรได้รับการจัดสรรเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และเมื่อคิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อประชากรจะเท่ากับ 516 ยูโร ทั้งนี้ 3 ส่วน 4 ของเงินข้างต้นจะเป็นค่าใช้จ่ายในเรื่องของการบำบัดน้ำเสียและการจัดการของเสียต่างๆ
ในระดับนานาชาติ ฝรั่งเศสเป็นภาคีของสนธิสัญญาและอนุสัญญาทางด้านสิ่งแวดล้อมหลายฉบับ รวมทั้งอนุสัญญาของสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพและการแปรสภาพเป็นทะเลทราย
ทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.environnement.gouv.fr
เพลงชาติและคำขวัญ
ลา มาร์เซยแยส (La Marseillaise) เป็นเพลงชาติของฝรั่งเศสมาตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 1795 แต่เดิมเพลงนี้มีชื่อว่า Chant de guerre pour l’armée du Rhin ซึ่งประพันธ์ขึ้นที่เมืองสตราสบูรก์เมื่อปี 1792 คำขวัญของสาธารณรัฐฝรั่งเศสคือเสรีภาพ เสมอภาคและภราดรภาพ
ธงชาติของฝรั่งเศส
วันชาติ
14 กรกฎาคม
ประชากร
- ประชากรจำนวน 62.2 ล้านคน (ปี 2005)
- ความหนาแน่นของประชากร 96 คนต่อตารางกิโลเมตร
- เมืองมีประชากรมากกว่า 100,000 คนมีถึง 57 เมือง
เมืองที่มีประชากรมากที่สุดห้าอันดับแรกคือ
การแบ่งส่วนการปกครอง
- ส่วนที่อยู่บนภาคพื้นทวีป
- จังหวัดโพ้นทะเล (DOM) 4 จังหวัดได้แก่ กัวเดอลูป มาร์ตินิก เฟรนช์เกียนาและลา เรอูนียง
- ดินแดนโพ้นทะเล (TOM) 5 แห่งได้แก่ เฟรนช์ โปลิเนเซีย, วาลลิสและฟูตูนา, มายอตต์, แซงต์-ปิแอร์-เอต์-มิเกอล็ง, เฟรนช์ เซาเทิร์นและแอนตาร์กติก แทร์ริทอร์รีส์
- ดินแดนที่มีสถานภาพพิเศษอีก 1 แห่งคือ นิวแคลิโดเนีย
ประเทศฝรั่งเศส แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ
- เทศบาล เป็นองค์การปกครองส่วนที่เล็กที่สุด จำนวนประมาณ 37,000 communes
- จังหวัด เป็นองค์การปกครองขนาดกลาง ในฝรั่งเศสมีจำนวนประมาณ 100 département ซึ่งรวมถึงดินแดนโพ้นทะเล 4 แห่ง คือ Martinique, Guadeloupe, Réunion และ French Guyana
- มณฑล เป็นองค์การปกครองที่ใหญ่ที่สุด ประเทศฝรั่งเศสมีทั้งสิ้น 13 แคว้น (regions) ได้แก่1. Alsace-Champagne-Ardenne-Lorraine
2. Aquitaine-Limousin-Poitou-Charentes
3. Auvergne-Rhône-Alpes
4. Bourgogne-Franche-Comté
5. Brittany
6. Centre-Val de Loire
7. Île-de-France
8. Languedoc-Roussillon-Midi-Pyrénées
9. Nord-Pas-de-Calais-Picardy
10. Normandy
11. Pays de la Loire
12. Provence-Alpes-Côte d’Azur
13. Corsica
การปกครอง
การเมืองการปกครอง ระบบการปกครอง- ประชาธิปไตยในรูปแบบสาธารณรัฐ โดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุข
สาธารณรัฐฝรั่งเศสปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แบบสาธารณรัฐเดี่ยวกึ่งประธานาธิบดี รัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสได้ประกาศใช้เมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2501 โดยผ่านการลงประชามติ สาระสำคัญในรัฐธรรมนูญนั้นคือการเพิ่มอำนาจประธานาธิบดี อำนาจฝ่ายบริหารนั้นถูกแบ่งออกและมีหัวหน้า 2 คน ซึ่งก็คือประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐ ผ่านการเลือกตั้งโดยตรงแบบสากล มีวาระ 5 ปี (เดิม 7 ปี) มีตำแหน่งประมุขแห่งรัฐอีกด้วย และนายกรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรัฐบาล ซึ่งถูกแต่งตั้งโดยประธานาธิบดี
รัฐสภาฝรั่งเศสนั้นแบ่งออกเป็น 2 สภาได้แก่ สภาผู้แทนราษฎร (Assemblée Nationale) และ วุฒิสภา (Sénat) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นตัวแทนในเขตเลือกตั้ง มาจากการเลือกตั้งโดยตรง มีวาระ 5 ปี สภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจในการอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรีและเสียงข้างมากในสภาสามารถกำหนดการตัดสินใจของรัฐบาลอีกด้วย สมาชิกวุฒิสภามาจากการเลือกของคณะผู้เลือกตั้ง มีวาระ 6 ปี (เดิม 9 ปี)
เงินตราฝรั่งเศส : สกุลยูโร (€)
เหรียญ 1€ =100 Cents
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)